โฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงกรณีมีผู้เสียชีวิตระหว่างการเข้าจับกุมการลักลอบนำยางพาราเถื่อนเข้าประเทศ
พลเรือโท เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีสื่อมวลชน นำเสนอข่าวเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่กองทัพเรือ จับกุมผู้ลักลอบขนยางพาราเถื่อน จากพื้นที่จังหวัดเกาะสอง ประเทศเมียนมา เข้าสู่จังหวัดระนอง เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2564 และเกิดการปะทะกัน จนหนึ่งในผู้ต้องสงสัยกระโดดลงน้ำและต่อมาพบว่า เสียชีวิต โดยร่างลอยไปติดอยู่กับป่าโกงกาง ฝั่งประเทศเมียนมา ซึ่งจากการตรวจสอบในเบื้องต้น พบรอยคล้ายกระสุนปืนบริเวณโหนกแก้มใต้ตาด้านซ้าย 2 จุด จนเป็นเหตุให้ประชาชนในพื้นที่ไม่พอใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ โดยมองว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุนั้น
กองทัพเรือขอเรียนให้ทราบว่า เรื่องดังกล่าว พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ได้สั่งการให้ ทัพเรือภาคที่ 3 ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 3 ดำเนินตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อรายงานผลให้ทราบอย่างเร่งด่วน ซึ่งจากรายงานที่ส่งมาถึง กองทัพเรือ ระบุว่าศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 3 (ศรชล.ภาค 3) ได้รับแจ้งว่าจะมีการลักลอบนำยางพาราโดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร (ยางพาราเถื่อน) จากประเทศเมียนมา เข้ามายังฝั่งไทยจึงได้จัดกำลังลาดตระเวนพิสูจน์ทราบ และเมื่อพบว่ามีการลำเลียงยางพาราเถื่อนเข้ามาจริง เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม ซึ่งในขณะนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด เจ้าหน้าที่จึงยิงเตือนเพื่อป้องกันตัวทำให้ผู้ต้องสงสัยกระโดดลงน้ำและสูญหายไป จนพบว่าเสียชีวิตดังกล่าว ส่วนที่มีการสันนิษฐานว่ารอยที่พบในร่างผู้เสียชีวิตมาจากกระสุนปืนนั้น ในขณะนี้อยู่ในระว่างการตรวจพิสูจน์ว่าเป็นรอยกระสุนปืนจริงหรือไม่ และต้องดำเนินการตรวจสอบต่อไปว่าเป็นรอยกระสุนปืนจากฝ่ายใด
ทั้งนี้ ในพื้นที่ดังกล่าวพบว่ามีการลักลอบนำแรงงานเถื่อน สินค้าผิดกฏหมาย จากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามายังประเทศไทยอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้จัดกำลังทางเรือออกลาดตระเวนปราบปรามอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องของการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID – 19 จากแรงงานข้ามชาติ และการนำสินค้าหนีภาษีเข้ามาในประเทศไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งยางพารา ซึ่งจะส่งผลกระทบให้ราคายางพาราในประเทศตกต่ำ ซึ่งเป็นการปฏิบัติภารกิจตามบทบาทหน้าที่ที่ได้รับ และดำเนินการโดยสุจริต แต่อย่างไรก็ตามหากตรวจพบว่า เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุจริงกองทัพเรือ จะไม่ปกป้องผู้กระทำผิดโดยเด็ดขาด และขอยืนยันจะให้ความเป็นธรรมตามกระบวนการทางกฏหมาย พร้อมทั้งจะดำเนินการตามข้อกฎหมาย อย่างตรงไปตรงมา และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้ เสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน