จนท.ฝ่ายความมั่นคงมึนหนักหลังปล่อย 5 โรฮิงญาลอบเข้าเมืองกลับพม่า อาศัยทีเผลอทำเนียนย่องเข้ามาใหม่
วันที่ 15 มีนาคม นายภิรมย์ เรืองโรจน์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 11 บ้านหนองยายเอม ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ รับแจ้งจากชาวบ้านพบชายชาวต่างด้าวไม่ทราบสัญชาติ 5 ราย อายุระหว่าง 19 – 27 ปี เดินบนถนนใกล้สวนปาล์มและยางพารา ห่างจากวัดหนองเสือ 500 เมตร .จึงประสานขอกำลังผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ชรบ. เข้าควบคุมตัว พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบ พร้อมเก็บสารคัดหลั่งตรวจหาเชื้อ โควิด 19 จากนั้นนำตัวกักกันที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 146 ด่านสิงขร ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายหลบหนีเข้าเมือง และผลักดันกลับประเทศต้นทาง
สอบสวนทราบว่าทั้งหมดชาวโรฮิงญา เดินทางมาจากรัฐยะไข่ ประเทศพม่า เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2564 อ้างว่ามีนายหน้าชาวพม่า หลอกให้เดินทางออกมาจากหมู่บ้าน เพื่อมาหางานทำ โดยจ่ายส่วยค่าเดินทางรายละ 2 แสนจ๊าด หรือ 5,000 บาท จากนั้นนำไปส่งที่ จ.มะริด กระทั่งเดินเท้าถึงชายแดนไทย จากการตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2564 ชาวโรฮิงญาทั้งหมดลักลอบข้ามชายแดนมาทางช่องทางธรรมชาติ ช่องตะแบก หมู่ 5 บ้านเนินแก้ว อ.อ่าวน้อย แต่เจ้าหน้าที่จับกุมได้ขณะเดินในป่าห่างจากชายแดน 1 กิโลเมตร และผลักดันกลับไป พร้อมขอให้สื่อมวลชนงดเสนอข่าวเกรงมีผลกระทบกับประเทศเพื่อนบ้าน ต่อมาพบผู้ต้องหาเดินเท้าผ่านช่องทางธรรมชาติกลับเข้ามาในประเทศไทย อ้างว่าสถานการณ์ชายแดนในพม่าไม่มีความปลอดภัย
ด้านนายพรหมพิริยะ กิจนุสนธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดฯ เพื่อติดตามสถานการณ์และผลการดำเนินงานเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19หลังจาก จ.ประจวบฯ มีตัวเลขสะสมผู้ติดเชื้อโควิด 19 ในการระบาดระลอกใหม่ 8 คน มีแรงงานเถื่อนชาวพม่า 4 คนรักษาตัวที่ รพ.ประจวบและเด็กชายวัย 4 ขวบ รักษาที่ รพ.หัวหิน
นายพรหมพิริยะ กล่าวว่า จากกรณีการจับกุมชาวพม่าหนีเข้าเมือง 33 คน บริเวณช่องทางธรรมชาติพื้นที่ ต.อ่าวน้อย เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2564 พบผู้ติดเชื้อโควิด 4 รายเป็นเรื่องที่จังหวัดจะต้องเตรียมการรับมือคนต่างด้าวลักลอบเข้าประเทศตามแนวชายแดนให้เข้มงวดมากขึ้น ทั้งนี้ หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบคนต่างด้าวบริเวณช่องทางธรรมชาติจะพยายามผลักดันให้กลับออกไปทันที แต่หากเข้ามาแล้วจะต้องมีสถานที่กักกันที่มีความพร้อมตามมาตรการด้านสาธารณสุข มีการมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งด้านความมั่นคง ฝ่ายปกครอง สาธารณสุข ประชุมหารือร่วมกันโดยเร่งด่วนในวันที่ 17 มีนาคมที่ ตชด.146 เพื่อเตรียมความพร้อมด้านสถานที่ อุปกรณ์ และบุคลากร โดยเน้นย้ำว่าเมื่อจับกุมคนต่างด้าวผิดกฎหมายได้จะต้องเร่งรัดการตรวจคัดกรองโควิด 19 และดำเนินคดีให้เร็วที่สุด
มีรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดฯ กำหนดแนวทางการให้บริการวัคซีนและการเฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์หลังการรับวัคซีน โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดฯ รายงานว่า มีการสำรวจประชาชนในพื้นที่ เพื่อขอรับการสนับสนุนวัคซีนป้องกันโควิด 19 มีจำนวนผู้ที่จะได้รับวัคซีน 1.3 แสนราย คาดว่าวัคซีนล็อตแรกจะจัดสรรให้จังหวัดได้ในเดือนมิถุนายน 2564 มีแผนบริการฉีดวัคซีนให้กลุ่มเป้าหมายแรก 5,000 คน ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ด่านหน้า ผู้ที่มีโรคประจำตัว ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และ เจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสเสี่ยงสูง
พิสิษฐ์ รื่นเกษม ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์