กลุ่มชาวหนองม่วง โคกสูง สระแก้ว รวมตัวขับไล่พระออกจากสำนักปฏิบัติธรรม
กรณีพิพาทเรื่องที่ดิน ที่เจ้าของไม่ได้ขายที่ดินให้พระ นอภ.กับสำนักพุทธฯเข้าร่วมเจรจา ขอทางศาลตัดสิน
เจ้าของที่ดินร่วมกับชาวตำบลหนองม่วง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว รวมตัวขับไล่พระออกจากที่ดิน โดยอ้างว่าไม่เคยขายที่ดินให้กับพระรูปนี้ ส่วนล่าสุดพระอ้างว่าได้ชื้อที่ดินจากลูกสาวเจ้าของที่ดิน นายอำเภอโคกสูง และสำนักพุทธศาสนาจังหวัดสระแก้ว พร้อมเจ้าคณะอำเภอโคกสูง เข้าร่วมรับฟังปัญหา พร้อมได้ดำเนินการตรวจสอบกรณีดังกล่าว
เช้าของวันนี้ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ที่สำนักปฏิบัติธรรมโนนพระศรีคีรีธรรม อ.โคกสูง จ.สระแก้ว พบ นายประพิศ ญาณปัญญา นายอำเภอโคกสูง นายอัครนันท์ นนทา ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสระแก้ว พระครูวาปีสังฆกิจ เจ้าคณะอำเภอโคกสูง,นางแสงเพ็ญ เหมือนศรี อายุ 70 ปีเจ้าของที่ดิน,นายสมพร อ่อนอุทัย ผู้ใหญ่บ้าน,นายอภิสิทธิ์ สายพรหม อดีตลูกเขยเจ้าของที่ดิน,หัวหน้าส่วนราชการ ตำรวจ โดยมีพระขันยานัง สารโชติโก เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมร่วมเจรจาด้วย และยังมีมวลชนชาวบ้านจำนวนหนึ่งออกมารวมตัวกันขับไล่พระอยู่นอกอาคาร
นายประพิศ ญาณปัญญา นายอำเภอโคกสูง กล่าวว่า ที่แห่งนี้ไม่ใช่สำนักสงฆ์ ยังเป็นแค่เพียงสำนักปฏิบัติธรรม เป็นเอกชน และทางเจ้าของที่ดินได้ร้องมาทางศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ จากการสอบถามทางพระคุณเจ้าก็อ้างสิทธิ์ว่าได้ชื้อที่ดินจากเจ้าของมาแล้วด้วยวาจา ซึ่งก็ไม่ได้ทำสัญญา ส่วนเจ้าของที่ดินก็แจ้งว่าไม่ได้ขายที่ดินให้เลย และทางพระก็ได้ก่อสร้างเป็นที่ปฎิธรรมมีทั้งแม่ชีและผู้ถือศีล ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็ขอให้ไปสิ้นสุดชั้นศาล และมอบหมายให้นายสมพร อ่อนอุทัย ผู้ใหญ่บ้าน เป็นประธานคณะกรรมและแต่งตั้งผู้ได้เสียทั้ง 3 ฝ่าย จนเรื่องราวจะสิ้นลง
นางแสงเพ็ญ เหมือนศรี อายุ 70 ปี เจ้าของที่ดินกล่าวว่า ตนได้ร้องเรียนขอความเป็นธรรมผ่านศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยระบุว่า ตนนั้นได้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา จึงได้ให้ใช้ที่ดินของตน จัดตั้งเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรม โดยมีพระขันยานัง สารโชติโก เป็นผู้นำปฏิบัติธรรม ตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 182 หมู่ที่ 6 ตำบลหนองม่วง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ.2555 ซึ่งต่อมาพระขันยานัง สารโชติโก ก็ไม่ปฏิบัติตามกิจของสงฆ์ โดยมีการล่อลวงให้ นางศิริพร สายพรหม บุตรสาวของตน ให้ขอหย่ากับสามีคือนายอภิสิทธิ์ สายพรหม ซึ่งทั้งคู่ก็ได้ปฏิบัติธรรมอยู่ในสำนักสงฆ์ แห่งนี้ โดยอ้างว่าหย่ากันเพื่อแก้เคล็ด และต่อมาพระก็ได้ขับไล่นายอภิสิทธิ์ สายพรหม สามีนางศิริพร ออกจากกสำนักสงฆ์แห่งนี้ และพระขันยานัง กับนางศิริพรฯบุตรสาวตน ได้ร่วมกันทำสัญญาชื้อขายที่ดินให้กับพระขันยานัง สารโชติโก ซึ่งตนเจ้าของที่ดินไม่ได้ล่วงรู้เลย ที่นางศิริพร กับพระ ได้ทำสัญญาชื้อขายที่ดินในสำนักสงฆ์ ให้กับพระขันยานัง พอตนมารู้ภายหลัง จึงได้ทักท้วงขอที่ดินคืน ทำให้พระไม่พอใจ และได้ขับไล่ตนออกจากสำนักสงฆ์อีกคน ตนจึงมาขอความเป็นธรรม ทางศูนย์ดำรงธรรมและสื่อมวลชนช่วยในเรื่องขอคืนที่กรรมสิทธิ์ที่ดินคืน โดยให้พระรูปนี้ออกไปเพราะทำตัวไม่เหมาะสม อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์กับสีกาด้วย
ด้านพระครูวาปีสังฆกิจ เจ้าคณะอำเภอโคกสูง กล่าวว่า ก็ขอให้ทั้งสองฝ่ายใจเย็นฯทางญาติโยมก็ขอเวลาทางคณะสงฆ์ จะตรวจสอบข้อเท็จจริงถ้าตรวจสอบพบหลักฐาน เป็นจริงอย่างที่ญาติโยมกล่าวหา ทางคณะสงฆ์ก็ต้องดำเนินการ หรือว่าญาติโยมมีหลักฐานเพิ่มเติมที่ร้องเรียนมาอีกให้คณะสงฆ์เพื่อพิจารณาต่อไป
นายสมพร อ่อนอุทัย ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า ตนได้เฝ้าดูพฤติกรรมของพระรูปนี้มานานแล้ว และตนก็อยู่ในระแวกนี้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากนางแสงเพ็ญ เจ้าของที่ดินในระยะแรก ก็ยังหลงศรัทธากันอยู่ แต่พอมาเกิดปัญหาเรื่องกันขึ้นและขัดแย้งกัน จึงได้มาร้องขอความเป็นธรรมกับทางอำเภอและคณะสงฆ์เจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชนเข้ามาตรวจสอบดังกล่าว ซึ่งตนรู้ว่า ที่ดินดังกล่าว เป็นของนางแสงเพ็ญ และตนก็จะนำเรื่องดังกล่าวรายงานอำเภอทราบแล้วและหลังจากที่เลิกประชุมนายอำเภอกลับไปได้ไม่ถึง 5 นาที กลุ่มชาวบ้านที่ร้องขับไล่พระยังอยู่ในสำนักปฏิบัติธรรม ก็ได้มีกลุ่มของนางศิริพร ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้สนัยสนุนพระ ได้เดินตามและพูดเสียดสี นายอภิสิทธิ์ สายพรหม อดีตสามีนางศิริพร อีกทั้งมีกลุ่มของพระได้ถือจอบถือเสียมยาวประมาณ 1 เมตร เดินปรี่เข้ามา จะมาตีอดีตสามีนางศิริพร จึงได้เกิดชุนหมุนกันขึ้น จนชาวบ้านที่อยู่ด้วย เข้าห้ามปราม นายอภิสิทธิ์จึงได้รอดจากการถูกตีด้วยเสียมอย่างหวุดหวิด
ต่อมานายอภิสิทธิ์ สายพรหม อดีตลูกเขยเจ้าของที่ดินได้ทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ระย่อม ทนหนองแวง รอง สว.(สอบสวน) สภ.โคกสูงว่า ได้ถูกคนของพระมารุมตีด้วยเสียม ทางพนักงานสอบสวน สภ.โคกสูงได้รับไว้เพื่อเรียกมาสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้านพระขันยานัง สารโชติโก เจ้าสำนักปฏิบัติธรรม กล่าวว่า อาตมาได้ชื้อที่แปลงนี้ในราคา 300.000 บาท และได้ชื้อเพิ่มอีก 9 ไร่ในราคา 300,000 บาท เพื่อนำมาเป็นที่ปฏิบัติธรรมให้กับญาติติธรรม ซึ่งทั้งสองฝ่ายอ้างสิทธิ์ครอบครองในที่ดินดังกล่าว เจ้าหน้าที่ต้องฟังความทั้งสองฝ่าย โดยอาตมาได้ชื้อขายดินมาด้วยความเชื้อใจกัน โดยไม่มีอะไรเป็นหลักฐาน ได้แต่เพียงทำสัญญาชื้อขายนางศิริพร ซึ่งเป็นลูกสาวของผู้ร้อง เบื้องหลังซื้อขายก็มีเพียงเท่านี้ส่วนที่เข้าไปเกี่ยวข้อง พร้อมอ้างกับเจ้าของที่ดินว่า มีการขายที่ดิน ซึ่งภายหลังเจ้าของที่ดินมาร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมให้ดำเนินการไปตามกฎหมายกับอาตมาดังกล่าว ในเรื่องนี้อาตมาก็จะใช้สิทธิ์ทางศาลต่อไป