ผู้การยักษ์ ค่ายกฤษณ์สีวะรา เปิดค่ายปรับหน่วยรบเป็น “ร้านกาแฟหลักสิบ รสชาติหลักร้อย วิวหลักล้าน”
โชว์ลีลาการเป่าขลุ่ยขับกล่อมน้องทหาร แถมรับสอนการทำขลุ่ย สอนเป่าขลุ่ย
เพื่อการอนุรักษ์ดนตรีไทยแก่เยาวชน ที่สำคัญสอนฟรี
วันที่ 18 ธันวาคม 2563 ที่กรมทหารราบที่ 3 ค่ายกฤษณ์สีวะรา จ.สกลนคร เปิดค่ายปรับหน่วยรบเป็น ร้านกาแฟหลักสิบ รสชาติหลักร้อย ภายใต้ชื่อแบรนด์ TFcafe เป็นร้านกาแฟในค่ายทหารของกรมทหารราบ ที่ 3 ซึ่งราคาเพียงหลักสิบเป็นสวัสดิการให้กับกำลังพลของหน่วย โดยมีกำลังพลและประชาชนเข้ามาใช้บริการค่อนข้างมาก ส่วนหลังจากชิมรสชาติของกาแฟแล้วยังได้เยี่ยมบรรยากาศของสวนเกษตรตามศาสตร์พระราชาซึ่งมีรายได้หลักแสน ส่วนวิวภายในหลักล้าน ซึ่งพันเอกสุคนธรัตน์ ชาวพงษ์ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 3 (ผบ.ร.3) และพันเอกชลรบ ชำนาญพล เสนาธิการกรมทหารราบที่ 3 (เสธ.ร.3) ทั้งคู่เป็นนายทหารพันธุ์ดี นำเอาศาสตร์พระราชามาให้กำลังพลภายในหน่วยปรับใช้
โดยการปลูกพืชทุกอย่างที่กินได้ รวมทั้งเลี้ยงสัตว์ โดยผลผลิตที่ได้ก็สามารถนำไปขายสร้างรายได้แก่กำลังพลเดือนละนับแสนบาท พืชที่ปลูกมีทุกชนิด เช่น กล้วยไม้ ฟักทอง พริก ข่า ตะไคร้ มะนาว มะเขือ มะเขือเทศ โหรพา มะละกอ มะแว้ง มะเขือพวง ใบแมงลัก ไผ่กิมซุง กล้วย เห็ด ส่วนสัตว์ก็มีกวาง หมูป่า ไก่เหลืองดงยอ หนูพุก เลี้ยงปลา แพะ กบ และเป็ด เป็นต้น นอกจากนี้ยังผลิตดินปลูกคุณภาพสูงอีกด้วย ซึ่งพืชผลจะเก็บไปจำหน่ายหน้าหน่วยทุกวันอังคาร มีโครงการ จะเปิดให้ประชาชนเข้ามาพักผ่อนถ่ายรูป พร้อมได้ชมแหล่งเรียนรู้ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง หรือศาสตร์พระราชา ซึ่งเมื่อได้เข้ารับการเยี่ยมชมก็สามารถนำไปประกอบอาชีพในชีวิตประจำวัน สร้างรายได้แก่ตนเองและครอบครัวต่อไป ที่ผ่านมายังเปิดให้ประชาชนทั่วไปรวมถึงสถานศึกษาต่างๆได้เข้าเยี่ยมชมเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ต่อยอดแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง หรือศาสตร์พระราชา สู่การปฏิบัติในท้องถิ่นจังหวัดสกลนครต่อไป
ในส่วนเอกลักษณ์ ตัวตน ฉบับ พันเอก สุคนธรัตน์ ชาวพงษ์ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 3 (ผบ.ร.3) “ผู้การยักษ์” ยังมีอารมณ์ศิลปินด้านขลุ่ย ซึ่งผู้การยักษ์เป็นอีกหนึ่งคนที่หลงไหลในเสียงขลุ่ย เป็นนายทหารที่มีพรสวรรค์ทางด้านศิลปะ ประกอบกับความคิดสร้างสรรค์ที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมของมรดกทางด้านศิลปวัฒนธรรมที่ติดตัวมา ทั้งยังได้ศึกษาเรียนรู้ จนสามารถทำขลุ่ยได้เอง เป็นความสามรถพิเศษส่วนบุคคลเมื่อฝึกฝนจนมีความชำนาญแล้ว ก็อยากมุ่งหวังถ่ายทอดความรู้ให้น้องๆทหารใหม่ รวมถึงเยาวชนรุ่นหลัง ได้ร่วมกันอนุรักษ์ สืบสาน และต่อยอดเครื่องดนตรีชนิดนี้ (ขลุ่ย)ให้คงอยู่คู่กับผืนแผ่นดินไทยต่อไป โดยทุกวันเมื่อมีเวลาจะโชว์เพลงขลุ่ยขับกล่อมให้กำลังพล โดยเฉพาะน้องๆพลทหาร เช่น ตอนรับประทานอาหาร ตอนเย็นก่อนขึ้นนอน โดยขลุ่ยทุกเลาก็ทำขึ้นเอง จึงไม่แปลกที่ภายในหน่วยจะมีขลุ่ยตั้งโชว์อยู่ทุกที่ ราคาตั้งแต่ 190 จึงถึง 2,000 บาท ทหารในค่ายไม่เว้นแม้แต่พันโทลงไปจนถึงพลทหาร ได้เรียนรู้การอนุรักษ์เครื่องดนตรีไทยหรือทำขลุ่ยเป็นอาชีพ ได้รู้จักวิธีการเป่าอย่างถูกต้อง เมื่อพ้นจากการเป็นทหารก็ยังสามารถทำขลุ่ยขายได้อีกด้วย ผู้การยักษ์ยังจัดคาราโอเกะไว้ที่โรงเลี้ยง เพื่อให้น้องๆพลทหารใช้เวลาว่างได้ฝึกร้องเพลง เช่นหลังจากรับประทานอาหารกลางวัน หรือตอนเย็น โดยผู้การยักษ์บอกว่ายินดีที่จะไปสอนการผลิตขลุ่ย สอนวิธีเป่า ให้เยาวชนในโรงเรียนต่างๆฟรีอีกต่างหาก หากโรงเรียนไหนที่ต้องการให้ไปสอน สามารถติดต่อมาได้ หรือใครที่จะเอาไปเป็นแบบอย่างก็ไม่หวง
ภาพ : ช่างภาพ ร.3/วัฒนะ แก้วก่า/สกลนคร
ข่าว : ไทบ้าน นิวส์ (พรพิพัฒน์ เพ็ชรสังหาร)