สส.เดือน เพื่อไทย ยื่นมือช่วยเหยื่อดอกโหดเจ๊ปากแดง เดินสายร้องตั้งแต่จังหวัดยันระดับประเทศ

สส.เดือน เพื่อไทย ยื่นมือช่วยเหยื่อดอกโหดเจ๊ปากแดง เดินสายร้องตั้งแต่จังหวัดยันระดับประเทศ

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสกุล ศรีรักษา อบต.บ้านคำนกกก หมู่ 1 ต.หนองแวง อ.บ้านแพง จ.นครพนม ผู้กล่าวหา น.ส.มาลี วรสวัสดิ์ หรือฉายาเจ๊ปากแดง อายุ 40 ปี นายสุวพรรดิ์ ดำคลองเตย อายุ 46 ปี ผู้เป็นสามี และลูกสมุนนายอารยะ เล็กคู อายุ 31 ปี ในข้อกล่าวหา ”ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ,ร่วมกันให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด,ร่วมกันทวงหนี้โดยการข่มขู่ใช้ความรุนแรง,ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันจำเป็นเร่งด่วน” โดยพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแพง นำตัวผู้ต้องหาทั้งสาม ส่งฟ้องศาลจังหวัดนครพนม พร้อมคัดค้านการประกันตัว ภายหลังศาลพิจารณาอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ในวงเงินคนละ 50,000 บาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว

ล่าสุด วันที่ 13 ธันวาคม 2563 นายสกุลคู่กรณีออกมาเปิดเผยว่า หลังทราบว่าเจ๊ปากแดงได้รับการประกันตัว ทำให้บรรดาลูกหนี้หวั่นไหว เกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัย เริ่มไม่กล้าออกมาแฉเรื่องราวการทวงหนี้สุดโหด แต่ตนมาถึงขนาดนี้แล้วคงไม่มีอะไรมาหยุดได้ ยังคงเดินหน้าเรียกร้องหาความจริงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป   ซึ่งนายสกุลเล่าว่ารู้สึกทะแม่งๆกับคำให้การของผู้ต้องหาทั้งสาม ย้อนแย้งกับความจริงมาก เช่นสามีของเจ๊ปากแดงบอกไม่ได้รุมทำร้าย มีเพียงนายอารยะคนเดียวที่กระทืบตน ลำพังแค่นายอารยะคนตัวเล็กๆไม่ได้ยี่หระเลย ในวันเกิดเหตุเห็นลูกน้องเจ๊ปากแดงตรงดิ่งมาหาตน 2 คน ก็ยังเห็นว่าสู้ได้สบายมาก เพราะอดีตสมัยเป็นทหารผ่านการฝึกด้านป้องกันตัวมา อีกทั้งยังเล่นกีฬาแทบทุกวัน เหตุที่ต้องตะโกนร้องให้คนช่วยเพราะโดนด้ามปืนของสามีเจ๊ปากแดงตบจนทรุดกองลงกับพื้นต่างหาก

“ผมเชื่อว่าเขาเตรียมการมาพร้อม รถยนต์ที่นำมาเป็นกระบะยกสูงล้อใหญ่ เป็นรถยนต์ที่ไม่เคยเห็นเจ๊ปากแดงหรือสามีใช้มาก่อน หากไม่มีคนเห็นเหตุการณ์ผมอาจจะไม่มีชีวิตแล้ว และเช็คทะเบียนรถคันนั้นก็เป็นทะเบียนปลอมอีกด้วย” นายสกุลกล่าว

 

ต่อมานายสกุลผู้เสียหายได้ไปร้องทุกข์กับ นางมนพร เจริญศรี ส.ส.นครพนม เขต 2 พรรคเพื่อไทย เพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งนางมนพรทราบก็ให้ไปขอคัดบันทึกการให้ปากคำ และใบรับรองแพทย์ เพื่อนำไปประกอบเป็นหลักฐานให้ทนายความดำเนินการตามขั้นตอน

ด้าน “ส.ส.เดือน” นางมนพร เจริญศรี ส.ส.นครพนม เขต 2 พรรคเพื่อไทย เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า ตนเป็นคนของประชาชนแม้ผู้ร้องจะไม่ได้ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ตนก็ไม่ได้มองตรงนั้น และไม่ใช่เป็นการหาเสียง “ในเมื่อตำรวจพูดว่าปราบปรามการทุจริต ปราบปรามการปล่อยเงินกู้ แล้ววันนี้คุณปล่อยคนให้มาปล่อยกู้ได้อย่างไร และคงไม่ใช่มีแค่รายเดียว หลายครั้งแล้วที่พี่น้องประชาชนเจอแบบนี้ จึงต้องมีการขยายผลต่อ และจัดหาทนายช่วยเหลือด้านคดี ขณะเดียวกันก็จะพาตัวนายสกุลไปร้องผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม(ผบก.ภ.จว.ฯ) ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ(ผวจ.ฯ) ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 4 (ผบช.ภ.4) ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม(รมว.ยุติธรรม) พร้อมเปิดแถลงข่าวอยู่ที่กรุงเทพฯ ถามว่าพวกคุณจะจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนอย่างไร?” ส.ส.นครพนม เขต 2 พรรคเพื่อไทย กล่าว

เทพพนม รายงาน