พ่อเมืองสระแก้ว บวงสรวงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองสระแก้ว
ในวันคล้ายวันสถาปนาจังหวัดสระแก้ว ครบรอบ 27 ปี ได้รับการยกฐานะเป็นจังหวัดลำดับที่ 74 ของประเทศไทย
วันนี้ (1 ธ.ค. 63) นายเกียรติศักด์ จันทรา ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พร้อมนายกเหล่ากาชาดจังหวัดสระแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ข้าราชการ ตุลาการ ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมพิธีวันคล้ายวันสถาปนาจังหวัดสระแก้ว โดยในช่วงเช้าได้จัดให้มีพิธีบวงสรวงศาลหลักเมืองจังหวัดสระแก้ว พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 บวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอวัฒนานคร และ บวงสรวงพระสยามเทวาธิราชจำสอง อำเภออรัญประเทศ ซึ่งชาวจังหวัดสระแก้วถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่เคารพบูชาของประชาชน และความเป็นสิริมงคลแก่ชาวจังหวัดสระแก้ว และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น สร้างความสมานฉันท์ของประชาชนในท้องถิ่น สำหรับสระแก้วเป็นชื่อที่มาจากชื่อสระน้ำโบราณ ซึ่งอยู่ในพื้นที่อำเภอเมืองสระแก้ว มีอยู่ 2 สระ ในสมัยกรุงธนบุรีราวปี พ.ศ.2323 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
เมื่อครั้งทรงเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เป็นแม่ทัพยกทัพไปตีกัมพูชา ได้แวะพักกองทัพที่บริเวณสระน้ำทั้ง 2 แห่งนี้ กองทัพได้อาศัยน้ำจากสระใช้สอยและได้ขนานนามสระทั้ง 2 นี้ว่า “สระแก้ว-สระขวัญ” และได้นำน้ำจากสระทั้ง 2 แห่งนี้ ใช้ในการประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาโดยถือว่าเป็นน้ำบริสุทธิ์ สมัยก่อนสระแก้วมีฐานะเป็นตำบลขึ้นอยู่ในการปกครองของอำเภอกบินทร์บุรี ซึ่งทางราชการได้แต่งตั้งเป็นด่านสำหรับตรวจคนและสินค้าเข้า-ออก มีข้าราชการตำแหน่งนายกองทำหน้าที่เป็นนายด่าน จนถึงปี พ.ศ.2452 ทางราชการจึงได้ยกฐานะขึ้นเป็นกิ่งอำเภอ ชื่อว่า กิ่งอำเภอสระแก้ว โดยใช้ชื่อสระน้ำเป็นชื่อกิ่งอำเภอ ขึ้นต่ออำเภอกบินทร์บุรี ในภายหลังจังหวัดกบินทร์บุรีถูกยุบ จึงถูกยุบรวมกับจังหวัดปราจีนบุรี (เมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ.2468) ต่อมาเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ.2501 ได้มีพระราชกฤษฎีกายกฐานะขึ้นเป็นอำเภอชื่อว่า อำเภอสระแก้ว ขึ้นอยู่ในการปกครองของจังหวัดปราจีนบุรีและในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2536 ได้รับการยกฐานะเป็นจังหวัดลำดับที่ 74 ของประเทศไทย