ศรีสะเกษ!!ชาวบ้านเบญจลักษ์โวยลั่นโรงงานยางพาราปล่อยน้ำเน่าเสียเหม็นกระทบบ้านเรือนไร่นาและโรงเรียน
ด้านประธานสหกรณ์เผยเตรียมก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียแต่ยังไม่มีเงินก่อสร้าง
เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณด้านข้างสหกรณ์การเกษตรเบญจลักษ์ ต.เสียว อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายวรวิทย์ การุณ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 229/7 หมู่ 11 ต.เสียว อ.เบญจลักษ์ ได้นำตัวแทนของชาวบ้านในเขต ต.เสียว อ.เบญจลักษ์ และตำบลใกล้เคียง ประกอบด้วย นายสมัย ทำนุ อายุ 66 ปี นายภาด โพธิ์ทอง และนายไชยา บุญบุตร ผช.ผญบ.หมู่ 11 ต.เสียว นางสุพรรณ พละศักดิ์ อายุ 38 ปี เข้าร้องทุกข์กับสื่อมวลชนว่า ขณะนี้ชาวบ้านกำลังได้รับความเดือดร้อนจากน้ำเสียและกลิ่นเหม็นอย่างหนัก เนื่องจากว่า โรงงานยางพาราของสหกรณ์การเกษตรเบญจลักษ์ ได้ปล่อยน้ำเสียเป็นสีดำลงไปในไร่นาและสวนยางพาราของชาวบ้านที่อยู่ใกล้กับโรงงาน อีกทั้งน้ำที่เน่าเสียได้ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปเป็นบริเวณกว้าง ทำให้สวนยางพาราของชาวบ้านได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทำให้น้ำยางออกน้อย กลิ่นน้ำเสียทำให้ชาวบ้านแสบตาแสบจมูกมาก มีชาวบ้านจำนวน 3 หมู่บ้าน 1 วัด 2 ร.ร. ประกอบด้วยบ้านเสียว บ้านโนนใหญ่ บ้านไร่เจริญ วัดป่าโนนใหญ่ โรงเรียนอนุบาลเบญจมิตร นักเรียนประมาณ 500 คน โรงเรียนเบญจลักษ์พิทยา นักเรียนประมาณ 2,000 คน ร้านอาหารและกาแฟ NATURE ที่อยู่ใกล้กับโรงงานยางพาราของสหกรณ์การเกษตรเบญจลักษ์ ได้รับผลกระทบจากกลิ่นเหม็นมากไม่สามารถที่จะดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข ชาวบ้านได้เคยร้องเรียนไปยังส่วนราชการที่เกี่ยวข้องหลายครั้งแล้วแต่เรื่องเงียบหายไป โดยได้นำสื่อมวลชนไปตรวจสอบพื้นที่สวนยางพาราที่โดนโรงงานยางพาราปล่อยน้ำเสียมาออกมาใส่จำนวนกว่า 18 ไร่
จากนั้น ตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนได้นำสื่อมวลชนเข้าไปตรวจสอบภายในโรงงานยางพาราของสหกรณ์การเกษตรเบญจลักษ์ พบว่า มีกองยางพาราอยู่จำนวนมาก และมีการฉีดน้ำใส่กองยางพาราทำให้น้ำที่ฉีดใส่กองยางพาราเป็นน้ำเน่าเสียไหลลงมาใส่สวนยางพาราของชาวบ้านและน้ำที่เน่าเสียนี้ยังได้ไหลลงไปในลำห้วยขะยูง ซึ่งเป็นลำน้ำสายหลักที่ไหลผ่านหลายอำเภอของจังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดอุบลราชธานี ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถที่จะใช้ประโยชน์จากลำน้ำห้วยขะยูงได้ เนื่องจากว่ามีสารปนเปื้อนทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ขึ้นได้
นายสมัย ทำนุ อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 280 หมู่ 7 บ้านเสียว ต.เสียว อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า โรงงานยางพาราของสหกรณ์การเกษตรเบญจลักษ์ ได้ปล่อยน้ำเน่าเสียออกมานานกว่า 2 ปีแล้ว โดยน้ำเสียได้ไหลทะลักออกมาจากโรงงานไหลเข้าใส่สวนยางพาราของตน ทำให้มีน้ำเน่าเสียขังอยู่ในสวนยางพารา กว่า 18 ไร่เศษ อีกทั้งได้ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงบ่ายของทุกวันที่มีสภาพอากาศร้อนจัด กลิ่นเหม็นจะรุนแรงมากกว่าปกติ ทำให้มีแมลงวันจำนวนมาก กลิ่นที่เหม็นมากทำให้เด็กนักเรียนกว่า 2,500 คน ที่โรงเรียนอยู่ใกล้กันไม่สามารถที่จะเรียนหนังสือได้สะดวก ตนและชาวบ้านต้องใช้มือหรือหน้ากากผ้าปิดจมูกเอาไว้แทบตลอดเวลาเพื่อป้องกันกลิ่นเหม็น
นางสุพรรณ พละศักดิ์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23 หมู่ 11 บ้านโนนใหญ่ ต.เสียว อ.เบญจลักษ์ กล่าวว่า พวกตนต้องทนกลิ่นเหม็นมานานกว่า 2 ปีแล้ว ทำให้เสียสุขภาพเป็นอย่างมาก ก่อนที่โรงงานยางพารานี้จะก่อสร้างขึ้นมา ได้แจ้งให้ชาวบ้านทราบว่า จะมีการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย แต่ว่า ไม่เห็นมีการก่อสร้างขึ้นมาแต่อย่างใด มีเพียงบ่อน้ำเล็ก ๆ ปล่อยให้น้ำเน่าเสียไหลลงไปใส่สวนยางพาราและไหลลงไปในลำห้วยขะยูง ตนขอวอนให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้การช่วยเหลือชาวบ้านโดยด่วนด้วย
ทางด้าน นายคำฟอง ลุนศรี ประธานสหกรณ์การเกษตรเบญจลักษ์ จำกัด ซึ่งได้มาพบกับตัวแทนของกลุ่มชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนได้ประชุมหารือกับกรรมการของสหกรณ์การเกษตร เบญจลักษ์แล้ว ได้มีการตกลงกันว่า จะทำการแก้ไขปัญหาน้ำเสียโดยการทำบ่อบำบัดน้ำเสียขึ้นมา รวมทั้งจะทำเป็นโดมให้มีหลังคาคลุมยางพาราทั้งหมดเอาไว้ด้วย ส่วนจะทำบ่อบำบัดน้ำเสียจำนวนเท่าใดและราคาเท่าใดนั้น จะต้องให้ผู้มีความเชี่ยวชาญเรื่องนี้มาดำเนินการ ในส่วนของปล่องควันของโรงงานที่มีเศษฝุ่นละอองปลิวไปใส่บ้านเรือนของชาวบ้านนั้น ตนจะทำปล่องควันให้สูงขึ้นว่าเดิมอีก ได้วางแผนเอาไว้แล้ว แต่ว่ายังไม่สามารถที่จะดำเนินการได้ เนื่องจากว่า สหกรณ์ยังไม่มีเงินทุนที่จะไปดำเนินการ กองยางพาราที่รับซื้อไว้ก็ยังไม่สามารถที่จะขายได้ เนื่องจากว่าราคายางพาราไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งตนและคณะกรรมการทุกคนจะเร่งแก้ปัญหานี้ประมาณต้นปี 2564 ที่จะถึงนี้
ทีมข่าวจังหวัดศรีสะเกษ