ทางการมาเลเซียส่งคนไทยที่พ้นโทษจากสถานกักกันในรัฐต่างๆกลับประเทศไทยทางด่านพรมแดนสะเดา จำนวน 31 คน

ทั้งหญิงและชายเจ้าหน้าที่นำเข้าสู่กระบวนการคัดกรองโควิด19อย่างรัดกุม เนื่องจากสถานการณ์โควิดในมาเลเซียยังน่าเป็นห่วง

วันนี้ 24 ต.ค.63 ที่ด่านพรมแดนสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งเป็นด่านชายแดนไทยมาเลเซีย ทางการมาเลเซียได้ส่งคนไทยที่พ้นโทษจากสถานกักกันในรัฐ ซาลางา (Selangor) จำนวน 31 คน เป็นชาย 8 คนและหญิง 23 คน  เดินทางกลับประเทศไทยทางด่านพรมแดนสะเดา ซึ่งเป็นกลุ่มคนไทยที่ถูกทางการมาเลเซียจับกุมหลบหนีเข้าเมืองและทำงานตามร้านอาหารและร้านนวด

โดยเดินทางมากับรถบัส ทันทีที่มาถึงพรมแดนไทยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่5 ตำรวจตระเวนชายแดน 437 ฝ่ายปกครองอำเภอสะเดา และ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้น ที่ อ.สะเดาได้นำคนไทยทั้ง 31 คนเข้าสู่กระบวนการคัดกรองโควิด19 อย่างเข้มงวดทั้งซักประวัติ ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย หากรายใดเข้าข่ายสุ่มเสี่ยงก็จะถูกแยกส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจหาเชื้ออย่างละเอียด ส่วนที่ปกติก็ถูกกักตัว 14 วันตามสถานที่กักตัวที่บ้านด่านนอก ชายแดนไทยมาเลเซีย

ทั้งนี้เนื่องจากสถานการณ์โควิด19 ในประเทศมาเลเซียยังน่าเป็นห่วงมีการกลับมาระบาดรอบสองและยังคุมไม่อยู่โดยเฉพาะตามรัฐต่างๆชายแดนไทยมาเลเซีย แล ขณะเดียวกันก็ยังคงมีแรงงานไทย นักศึกษาไทย ที่ไปอาศัยอยู่ที่มาเลเซีย ได้ขอลงะเบียนกลับไทยด้วยเช่นกัน โดยวันนี้ นาย กฤษฏากรณ์ ว่องไว อายุ38 ปี ชาวจังหวัดข่อนแก่น เป็นนักศึกษาไทย ที่ไปเรียนอยู่ที่รัฐซาลางา เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า  ตนเองได้ไปเรียนที่มาเลเซีย และ เรียนจะจบแล้ว และ คิดว่าโควิดจะลดลงแต่กลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆในรัฐ ที่ตนเองศึกษาอยู่ ตนเองก็เลยกลัวว่าทางการมาเลเซีย จะประกาศล็อคดาว ในรัฐที่ตนเองอาศัยอยู่ จึงขอเดินทางกลับมาตั้งหลังที่ประเทศไทยก่อน

ภาพ/ข่าว มณีรัตน์ แก้ววิเชียร พิภพ ประดิษฐ์ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสงขลา