ทหารกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี สนธิกำลัง ตรวจยึดกัญชาเกรดเอ

เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2563 เวลา 10.30 น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ท.ธเนศ วงศ์ชะอุ่ม แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.กนกพงศ์ จันทร์นวล ผบ.ศรภ.บก.ทท. พล.ต.บุนสิน พาดกลาง ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี พ.อ.ยุทธนา มหาวัน รอง ผบ.บก.ควบคุมที่ 1 กกล.สุรศักดิ์มนตรี(ร.3) นายสมศักดิ์ บุญจันทร์ นายอำเภอหว้านใหญ่ พ.ต.ท.จารึก พุ่มระย้า รร.ท.ผกก.สภ.หว้านใหญ่ ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติด(กัญชา) ล๊อตใหญ่เข้ามาทางด้าน อ.หว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร จึงได้สั่งการให้ ร.ท.นิคม ชินเขว้า ผบ.มว.คทร.ที่ 2 ร้อย.คทร.ที่ 1 ชอน.บ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี พ.ต.ท.จำเนียน เศษฤทธิ์ สว.สส.สภ.หว้านใหญ่ นรข. ตชด.ตำรวจน้ำมุกดาหาร เจ้าหน้าทีปกครองหว้านใหญ่ จัดกำลังพลและหาข้อมูลข่าวสารเพื่อทำการสกัดกั้นกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดดังกล่าว

จนกระทั่งเวลาประมาณ 19.00 น.ของวันที่ 6 ต.ค. 63 เจ้าหน้าที่สามารถตรวจพบกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดได้ลำเลียงยาเสพติด ข้ามมาจากแม่น้ำโขงฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามายังท่าน้ำริมเขื่อนบริเวณศูนย์ปฎิบัติธรรมแก่งตะวันแก้ว บ้านนาแกน้อย ตำบลป่งขาม อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร และเห็นกลุ่มชายฉกรรก์กำลังแบกกระสอบสีดำขึ้นจากท่าน้ำมาใส่รถเข็น เพื่อลำเลียงในลักษณะกองทัพมด นำไปส่งยังรถยนต์ที่มาจอดรอที่ริมถนนดำสาย บ้านป่งขาม – ธาตุพนม เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวขอตรวจค้นจับกุม กลุ่มชายฉกรรก์จึงได้ทิ้งของกลางหลบหนีเข้าไปในป่าข้างทาง โดยอาศัยความชำนาญในพื้นที่หลบหนีไปได้ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการเคลียร์พื้นที่และตรวจสอบของกลาง เบื้องต้นทราบว่าเป็นกัญชาแห้งอัดแท่งจำนวน 5 กระสอบปุ๋ย น้ำหนักประมาณ 162 กิโลกรัม

จากการตรวจสอบทราบว่า กัญชาแห้งอัดแท่ง ล๊อตนี้เป็นกัญชาที่มีคุณภาพเกรดเอ (พรีเมี่ยม) จำนวน 43 ก้อน น้ำหนักประมาณ 43 กิโลกรัม ซึ่งเป็นชนิดพิเศษที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง และมีราคาแพง ตลอดจนนำไปผลิตเป็นแคปซูนผลิตเป็นยารักษาโรค ซึ่งนาน ๆ ครั้งที่เจ้าหน้าที่จะสามารถจับกุมได้

และในห้วงที่ผ่านมากลุ่มขบวนการค้ากัญชาได้ลักลอบนำเข้า ด้าน อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ที่มีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกัญชาที่มีความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ จากการสืบสวนทราบว่าบางส่วนนำไปผลิตเป็นยารักษาโรคแบบแคปซูน และน้ำมันกัญชา ตลอดจนบทลงโทษไม่รุนแรงเท่ากับ ยาบ้าและไอซ์ และมีกำไรที่สูงมาก โดยซื้อขายตามแนวชายแดน กิโลกรัมละ 1,500 – 2,000 บาท เมื่อนำขึ้นถึงฝั่งประเทศไทยในพื้นที่ จ.มุกดาหาร กิโลกรัมละ 3,000 – 5,000 บาท ราคาขายใน กทม. กิโลกรัมละ 5,000 – 7,000 บาท ภาคใต้กิโลกรัมละ 25,000 – 30,000 บาท และเมื่อถึงประเทศที่สามกิโลกรัมละ 300,000 – 400,000 บาท จึงทำให้กลุ่มนักค้าหันมานำเข้ามากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ไกรสมุทร นามโพธิ์ไทร/รายงานจากมุกดาหาร