“อย่างนี้ก็มีด้วยเหรอ?” สาวปลูกดอกไม้ถวายพระ ผญบ.ร้องเรียนอำเภอ กล่าวหาบุกรุกที่สาธารณะ โวยเลือกปฏิบัติหรือเปล่า? พวกเดียวกันปลูกถาวรไม่เห็นโดน

“อย่างนี้ก็มีด้วยเหรอ?” สาวปลูกดอกไม้ถวายพระ ผญบ.ร้องเรียนอำเภอ กล่าวหาบุกรุกที่สาธารณะ

โวยเลือกปฏิบัติหรือเปล่า? พวกเดียวกันปลูกถาวรไม่เห็นโดน

 

วันที่ 6 ตุลาคม 2563 ผู้สื่อข่าวได้รับร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรมจาก นางดาวสวรรค์ พรมศรีธรรม อยู่บ้านเลขที่ 162 หมู่ 2 บ้านหนาด ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.นครพนม ว่า เมื่อวันที่ 14 กันยายน ที่ผ่านมา ได้รับหนังสือจากอำเภอเมืองนครพนม กล่าวหาว่าตนบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ที่ดิน บริเวณริมถนน ณ จุดผ่อนปรนบ้านหนาด หมู่ 2 ต.บ้านกลาง และให้ตนได้ร่วมตรวจสอบและชี้แจงข้อเท็จจริงในวันที่ 22 กันยายน 63
ต่อมาวันที่ 1 ตุลาคม 2563 ก็ได้รับหนังสือจากองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกลาง ระบุว่าตนนำรถไถเข้าไปบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ ทำให้เกิดความเสียหาย จึงต้องการข้อเท็จจริงในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงเชิญให้ไปพบเจ้าพนักงานในวันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา

นางดาวสวรรค์เปิดเผยว่าหลังรับหนังสือฉบับแรก ก็ไม่เจ้าหน้าที่จากอำเภอเมืองนครพนม ลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ตนได้พาไปชี้บริเวณที่ถูกกล่าวหาว่าบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ริมถนนจุดผ่อนปรนที่ทุกวันอังคารจะเป็นตลาดนัดไทย-ลาว แต่ขณะนี้ทางฝั่งประเทศเพื่อนบ้านปิดพรมแดนจึงมีแต่พ่อค้าคนไทยค้าขายกันเอง บริเวณดังกล่าวตนได้นำรถไถขนาดเล็กมาไถเพื่อปลูกต้นดาวเรือง นอกจากจะสวยงามแล้วดอกก็นำไปบูชาถวายพระที่วัด จู่ๆก็มีผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 คือ นายเอกชัย ลิตะ มีหนังสือร้องเรียนไปที่อำเภอเมืองนครพนม กล่าวหาว่าตนบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ ไม่ทราบว่านายเอกชัยมีเจตนาอะไร เพราะถ้าพูดตามความเป็นจริงที่ดินตรงนี้ก็มีปู่ย่าตายายใช้ประโยชน์ปลูกพืชผักสวนครัวมาแต่ไหนแต่ไร ก่อนที่จะถูกน้ำกัดเซาะตลิ่งจมหายไป

ภายหลังเกิดการทับถมของตะกอนดินในแม่น้ำโขง ที่ดินที่แหว่งหายไปก็กลับมาอีกครั้ง ซึ่งชาวบ้านก็ไม่ได้จับจองยึดเป็นของตนเอง ต่างคนก็ต่างปลูกพืชผักสวนครัวเหมือนที่เคยทำมาแต่บรรพบุรุษ แล้วทำไมนายเอกชัยถึงไปร้องเรียนอำเภอว่าตนบุกรุก  และนางดาวสวรรค์กล่าวต่อว่า ตนมีความสงสัยเป็นอย่างมาก ปรับพื้นที่ปลูกดอกดาวเรืองไม่ถึง 10 ตารางวา เพื่อไว้สำหรับถวายพระ กลับถูกผู้ใหญ่บ้านร้องเรียนจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ขณะที่อยู่เหนือบริเวณดังกล่าวไปไม่กี่เมตร มีคนปลูกที่อยู่อย่างถาวร ลงเสาสร้างเป็นบ้านเลย แต่ทำไมผู้ใหญ่บ้านถึงไม่ร้องเรียน หรือเพราะเป็นพรรคพวกของตนเองจึงละเว้น ควรจะปฏิบัติให้เสนอภาคกัน จึงขอความเป็นธรรมแก่ครอบครัวด้วย

ด้านนายพงศ์พันธ์ คำมั่น อายุ 62 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 เปิดเผยว่าที่ดินตรงนี้ชาวบ้านใช้ประโยชน์ร่วมกันมานมนาน ภายหลังถูกน้ำกัดเซาะตลิ่งจมหายไปกับสายน้ำโขง ต่อมาเกิดการทับถมกลายเป็นงอกชาวบ้านก็ใช้ประโยชน์ปลูกพืชผักไว้บริโภคถ้าเหลือก็ขาย หากผู้ใหญ่บ้านต้องการจะป้องกันที่ดินผืนนี้ไว้ ก็ควรปรึกษาหารือกับลูกบ้านเสียก่อน ไม่ใช่ร้องเรียนไปทางอำเภอเลย หากจะต้องส่งคืนรัฐจะต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างถาวรที่ปลูกรุกล้ำที่สาธารณประโยชน์ด้วย ไม่ใช่เลือกปฏิบัติแบบนี้

 

ขณะที่ชาวบ้านต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ที่ดินตรงนี้ชาวบ้านใช้ประโยชน์ร่วมกันมาแต่ไหนแต่ไร ทำไมผู้ใหญ่บ้านถึงขั้นร้องเรียนไปทางอำเภอ และทำไมจงใจร้องเรียนเฉพาะรายของนางดาวสวรรค์ผู้เดียว จึงอยากให้นายเอกชัยผู้ใหญ่บ้านชี้แจงประเด็นนี้ให้ชัดเจน

เทพพนม รายงาน

 

You May Have Missed!

0 Minutes
ข่าวประชาสัมพันธ์
สาวผวาหนัก ถูกโจรซุ่มชิงทรัพย์ในลานจอดรถห้างดังย่านแคราย พบคนร้ายเป็นหนี้กว่า 5 แสนบาท
0 Minutes
ข่าวประชาสัมพันธ์
ขยี้ตารัวๆ! Ar-Lek Home ทาวน์โฮมหลังใหญ่ สไตล์มินิมอล ย่านนครปฐม ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท
0 Minutes
ข่าวประชาสัมพันธ์
ร่วมสร้างกรุงเทพในฝันประชาธิปัตย์ก้าวใหม่ กรุงเทพเผชิญวิกฤติทุกมิติ ฝุ่นพิษ PM 2.5  จราจร คนว่างงาน อาชญากรรมเมืองจม น้ำเน่า น้ำท่วม ฯลฯ
1 Minute
ข่าวประชาสัมพันธ์
สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สภท.) จับมือกูรูด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม จัดสัมมนาสื่อมวลชน ชู “ไฟฟ้า” คู่ “การลดคาร์บอน” หัวใจสำคัญของการพัฒนาในพื้นที่ EEC