ชาวตำบลพระซองยังคาใจกับการสร้างแพกลางแม่น้ำ ของนายทุนมานานนับปีแต่การร้องทุกข์ไม่เป็นผล
วันที่ 3 ตุลาคม2563 กลุ่มชาวบ้านและผู้นำชุมชนในตำบลพระซองได้ร้องทุกข์ กับผู้สื่อข่าวกรณีมีนายทุนและเจ้าหน้าที่เทศบาลแห่งหนึ่ง
ในอำเภอนาแกจังหวัดนครพนมได้สร้างเรือนแพกลางน้ำขนาดใหญ่เป็นร้านขายอาหารและขายเครื่องดื่มเป็นเวลานานราว2ปีแล้ว ทางชาวบ้านและผู้นำชุมชนเคยร้องทุกข์ผ่าน
ทางอำเภอนาแกและทางจังหวัดนครพนมแต่เรืองก็ยังเงียบ และถูกดองไว้จนนานมากแล้ว จึงพากันเขามาร้องทุกข์ กับผู้สื่อข่าวเป็นกระบอกเสียงแทนช่วยผ่านไปหาผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้เคยทำหนังสือไปร้องทุกข์ผ่านทางผู้ใหญ่ ในจังหวัดนครพนม(ท่านผู้ว่า)ทางผู้สื่อข่าวได้ต่อสายตรงติดต่อสอบถามทางผู้ว่าแต่ได้รับการปฎิเสธว่าไม่รู้เรื่อง ว่าชาวบ้านร้องทุกข์เรื่องอะไรและยังบอกผู้สื่อข่าวคุณร้องที่หน่วยงานไหนให้ไปตามเรื่องที่หน่วยงานนัน ทั้งที่ผู้นำชาวบ้านบอกว่าเคยคุ่ยกับท่านผู้ว่าได้รับหนังสือแล้วและได้อ่านอีกแล้วด้วย
ต่อมาในวันเดียวกันผู้สื่อข่าวได้ต่อสายตรงไปยังชายคนหนึ่งซึ่งตามคำบอกเล่าของชาวบ้านในพื้นและผู้นำชาวบ้านว่าเป็นเจ้าแพหลังดังกล่าวว่าแพเป็นของพี่หรือป่าวผู้ชาย ที่พูดคุยอยู่ในสายตอบมาว่า:ใช่ครับ: (ชื่อ ช) ชาวบ้านและผู้นำชุมชนยังฝากถามถึง “กรมเจ้าท่า”ว่าเรื่องนี้ ต้องมีหน่วยของท่านผิดชอบอยู่ผู้ใหญ่รับรู้การสร้างแพและใครอนุญาตให้สร้าง และฝากถึงตำบลพระซองเจ้าที่ร่วมถึงทางอำเภอนาแก จังหวัดนครพนมด้วยว่าประชาชนรอและคอยดูการทำงานของท่านๆทุกหน่วยงานที่เกียวข้องว่าใครจะหาความ จริงมาให้ชาวตำบลพระซองได้รับรู้ด้วยและอย่าคิดปิดหูปิดตาประชาชนในเขตพื้นที่ต่อไปเลยครับ ผู้นำชาวบ้านยังบอกอีกว่า ยังมีข้อมูลอีกเยอะที่จะเอามามอบให้ทางผู้สื่อข่าวและขอให้ผู้ใหญ่ลงพืนที่ตรวจสอบได้ตลอดเวลาชาวบ้านจะให้ความร่วมมือทางเจ้าหน้าที่ตลอดเวลาและขอฝากผู้ใหญ่ในจังหวัดที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงยากเห็นท่านลงดาบ
เพื่อทำให้กฏหมายว่าศักด์สิทธิจริง และที่สำคัญชาวบ้าน บอกว่าเรื่องที่เสียมากกว่านันคือการทำให้เสียนาเกลือไปโดยที่ชาวบ้านรู้ว่าการปิดกันทำเขื่อนทำให้เสียหายต่อระบบธรรมชาติการทำนาเกลือของชาวในพื้นที่โดยตรงซึ่งชาวบ้านในพื้นที่รับรู้กันทั้งจังหวัดแต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำไม่ยังนิ่งเฉย
ภาพ/ข่าว ทีมข่าวเฉพาะกิจ รายงาน