“เมอร์ทิซ” สู้ไม่ถอย ชูงานวิจัยคนไทยขึ้นห้างฯ ไตรมาส 3 ถึงปี64 ต่อยอด“เซรั่ม”เพื่อสาวเอเซีย

“เมอร์ทิซ” สู้ไม่ถอย ชูงานวิจัยคนไทยขึ้นห้างฯ ไตรมาส 3 ถึงปี64 ต่อยอด“เซรั่ม”เพื่อสาวเอเซีย

 

ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ สุดยอดผลงานวิจัยไทยขึ้นห้างฯ เป็นพระเอกให้เอสเอ็มอีไทยชูโรงสร้างยอดขาย เพิ่มจีดีพีให้ประเทศไทย ด้าน “เมอร์ทิซ” แบรนด์ไทยร้อยเปอร์เซนต์ ต่อยอดนำ “เซรั่ม” ชูตลาดเครื่องสำอางในไตรมาส 3 ถึงปี 2564 เจาะกลุ่มเป้าหมายสาวเอเชีย

ชุติญา ศรีสุนทรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยัวร์บิวตี้ อินโนเวชั่น จำกัด กล่าวว่า เครื่องสำอางที่ผลิตโดยคนไทยและวิจัยจากนักวิจัยไทย ยังได้รับการยอมรับในตลาดเอเชียและภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ดูแลผิว (Skin Care) ซึ่งพบว่า ชาวต่างประเทศในเอเซียก็นิยมมาซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ผลิตจากนักวิจัยไทย และเป็นแบรนด์ของคนไทย

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ดูแลผิว “เมอร์ทิซ” มีทั้งหมด 4 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ สบู่ทัมทิมผสมน้ำมันมะพร้าว , เซรั่มที่ผลิตโดยนักวิจัยไทย , ครีมกันแดดที่มีลักษณะเป็นเนื้อเจล และเซรั่มลดเลือนริ้วรอยนำเข้าจากประเทศอิตาลี
โดยในปี 2564 มีแผนจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นเซรั่มดูแลผิว ซึ่งต่อยอดและพัฒนามาจากผลงานวิจัยของคนไทย เพื่อขยายไปยังตลาดส่งออกในประเทศเพื่อนบ้าน โดยแผนการตลาดไตรมาส 3 ไปจนถึงปีหน้า นอกจากให้ความสำคัญไปที่ผลิตภัณฑ์แล้ว ยังคงให้ความสำคัญกับการทำตลาด โดยเฉพาะการใช้ “ผู้ทรงอิทธิพลในโลกโซเชียล” หรือ อินฟลูเอนเซอร์ และวิธีการทำตลาดผ่านแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ  เพื่อให้เกิดการตลาดแบบปากต่อปาก และ มีผลต่อยอดขายของสินค้าด้วย จากเดิมแบรนด์ “เมอร์ทิซ” เคยใช้วิธีซื้อสื่อโฆษณาผ่านแมกกาซีน และ นิตยสารชั้นนำ เพื่อสู้กับเคานท์เตอร์แบรนด์ ปัจจุบันได้ลงมาทุ่มการกับการทำตลาดผ่านสื่อออนไลน์ และปรับตำแหน่งการตลาด ไม่ชนกับเคานท์เตอร์แบรนด์ แต่เน้นความเป็นตัวของตัวเอง เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกอยากใช้สินค้า บอกต่อและกลับมาใช้อีก

ชุติญา กล่าวต่อไปว่า ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่า ปี 2562 ธุรกิจเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว หรือ สกินแคร์ เป็นธุรกิจที่เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงเป็นอันดับ 3 โดยคาดการณ์ว่าตลาดเครื่องสำอางของไทยปี 2562-2566 จะเติบโตราวร้อยละ 7.14 จากอัตราการเติบโตปี 2560 ที่ร้อยละ 7.8 มีมูลค่ารวมสูงถึง 1.68 แสนล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มสกินแคร์สูงสุด มีสัดส่วนร้อยละ 47 ของมูลค่าการตลาดของเครื่องสำอางทั้งหมด รองลงมาคือผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมร้อยละ 18 เครื่องสำอางร้อยละ 14 ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดร่างกายร้อยละ 16 และน้ำหอมร้อยละ 5

ขณะเดียวกัน ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการน้อยใหญ่ต้องปิดตัวลง ชุติญา ศรีสุนทรประภา เผยว่า บริษัทปรับกลยุทธ์การตลาด โดยเน้นไปที่ช่องทางจำหน่ายใหม่ทางการตลาดออนไลน์ เช่น การขายผ่านแอพพลิเคชั่นมูมอลล์ (MOO MALL) และ การปรับมาเป็นพรีเซนต์เตอร์สินค้าเอง แทนการจ้างดาราเป็นพรีเซนต์เตอร์ เพื่อลดค่าใช้จ่ายและประคับประคองธุรกิจให้อยู่รอดได้ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19

“ต้องยอมรับว่า พอเจอโควิดทำให้ทุกธุรกิจพับโครงการไว้ก่อน บางบริษัทมีการปรับลดพนักงาน บ้างก็ปิดกิจการ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดยุคของการเปลี่ยนแปลง ทำให้เรารู้สึกว่า ต้องกลับมาสู้ด้วยตัวเอง ยืนด้วยลำแข้งของตัวเราเอง ถ้าเราลดต้นทุนได้มากเท่าไหร่ก็จะทำให้ธุรกิจเราอยู่ได้นานขึ้น และต้องมีการปรับแผนการทำตลาดใหม่โดยใช้ตัวเราเองพรีเซนต์เตอร์ ซึ่งในปีนี้ยังได้มีการวางตำแหน่งทางการตลาดของตัวสินค้าใหม่ โดยเน้นให้แบรนด์มีความเป็นตัวของตัวเอง คือ ทำอย่างไรให้กลุ่มวัยทำงาน อายุ 25 ปี ขึ้นไปรู้สึกว่า ผิวของคุณต้องการดูแลแล้ว และไว้วางใจให้เมอร์ทิชดูแลผิวพรรณ และลูกค้ารู้สึกว่าต้องการกลับมาใช้อีก”

   

 

สำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลผิว “เมอร์ทิซ” เป็นหนึ่งในธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) หรือ เอสเอ็มอีไทย เนื่องจากเป็นผลงานวิจัยของคนไทย รวมทั้งการผลิตและการทำตลาดเป็นของคนไทยร้อยเปอร์เซนต์ ที่บริหารงานโดย ชุติญา ศรีสุนทรประภา ซึ่งนอกจากจะเป็นผู้บริหารผลิตภัณฑ์ดูแลผิว “เมอร์ทิซ” แล้ว ปัจจุบัน ชุติญา ยังเป็นผู้บริหารงานธุรกิจในเครืออีก 5 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจดูแลระบบให้กับบัตรเครดิตกรุงไทย , ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ , ธุรกิจไฟแนนซ์ , ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า และ ธุรกิจประกันชีวิต โดยท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ยังไม่มีการปลดพนักงานแม้แต่คนเดียว และยังคงดูแลพนักงาน 50-60 ชีวิต ด้วยการดำเนินธุรกิจที่มีการหมุนเวียนด้านพนักงานให้อยู่ในสภาพปกติที่สุด

You May Have Missed!

1 Minute
ข่าวประชาสัมพันธ์
คณะกรรมการบริหารโรงเรียนปลูกปัญญา แต่งตั้ง “บิ๊กทิน” ผจก.ฟุตซอลทีมชาติไทย  เป็นประธานที่ปรึกษาโรงเรียน
1 Minute
ข่าวประชาสัมพันธ์
พิพิธภัณฑ์เกษตรฯ เตรียมจัดงานใหญ่ส่งท้ายปี งานมหกรรม ภูมิพลังแผ่นดิน
1 Minute
กิจกรรมเพื่อสังคม
ไม่สนคำ ว่าทำบุญเอาหน้า…เสี่ยเดย์ นักบุญเจ้าเดิมช่วยการศึกษาอีกกว่า 3 ล้าน
0 Minutes
โรงพยาบาล
โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร จัดงานวันสถาปนาครบรอบ 53 ปี ชูแนวคิด ทุ่มเทอย่างชาญฉลาด เพื่อสร้างประสบการณ์สุขภาพที่เหนือชั้น เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี เพิ่มการยอมรับและมั่นใจกับผู้มารับบริการ