“ขยายผลสกัดจับกว่าครึ่งร้อย ขบวนการลักลอบขนแรงงานเข้าเมือง เตรียมส่งทำงานเขตชั้นใน”
ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.สตม., ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ณัฐวัฒน์ การดี ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.พิชญ์วุฒิ สงวนสมบัติศิริ รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.เอกกมนต์ พรชูเกียรติ รอง ผบก.ตม.4 , พ.ต.อ.ชัยยศ วรักษ์จุนเกียรติ รอง ผบก.ตม.4 และ พ.ต.อ.พิษณุ สิทธิฑูรย์ ผกก.สส.บก.ตม.4 ร่วมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหา
ตามนโยบายของ ตร.ให้สกัดกั้นคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่ที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และไม่ผ่านกระบวนการคัดกรองโรค เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดโรค COVID-19 ซึ่ง บก.ตม.4 ได้สนองนโยบายจับกุมคนไทยลักลอบขนแรงงานเถื่อนโดยผิดกฎหมายพร้อมแรงงานประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนพยายามลักลอบขนแรงงานเข้ามาทำงานเมืองชั้นใน กล่าวคือ จากการสืบสวนติดตามเส้นทางของขบวนการลักลอบขนแรงงานเถื่อนเข้าประเทศ บริเวณเขตรอยต่อระหว่างประเทศใน จว.อุบลราชธานี อย่างต่อเนื่อง โดย ตม.จว.อุบลราชธานี สืบทราบว่า ในวันที่ 4 ก.ย. 63 จะมีการลักลอบขนแรงงานเถื่อนเพื่อส่งไปทำงานยังกรุงเทพมหานคร จึงได้สนธิกำลังและบูรณาการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานในพื้นที่ ตั้งจุดตรวจสกัดกั้นบริเวณ จุดตรวจความมั่นคงบ้านโบกม่วง ต.นาแวง อ.เขมราฐ จว.อุบลราชธานี จนเมื่อเวลาประมาณ 18.30 น. พบรถโดยสารต้องสงสัยเป้าหมายแล่นผ่านมา ซึ่งเป็นรถยนต์โดยสารประจำทาง บริษัทนครชัยแอร์ เขมราฐ – กรุงเทพมหานคร ทะเบียน กทม. ชุดจับกุมจึงได้สกัดกั้นให้หยุดและทำการเรียกตรวจ พบผู้โดยสารชาวลาวทั้งหมด 26 คน ไม่พบเอกสารประจำตัวหรือหนังสือเดิน 7 คน ส่วนอีก 19 คนพบว่ามีหนังสือเดินทางสัญชาติลาวแต่ไม่มีตราประทับหรือข้อมูลการเข้ามาในราชอาณาจักรโดยถูกต้องและไม่มีหลักฐานอื่น ๆ ในการเข้ามาหรืออยู่ในราชอาณาจักอย่างถูกต้องตามกฎหมาย สอบถามผู้โดยสารชาวลาวดังกล่าวทั้ง 26 คนให้การสอดคล้องกันว่าได้หลบหนีเข้ามายังประเทศไทยเพื่อจะเข้ามาหางานทำในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร โดยได้จ่ายค่าเรือให้กับคนลาวไม่ทราบชื่อ-สกุล เป็นค่าจ้างในการขับเรือมาส่งฝั่งไทยเป็นเงินจำนวน 2500 บาท และเมื่อมาถึงฝั่งไทยจะมีผู้ประสานการนำเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ทราบแต่เพียงชื่อเล่นว่านายเจี๊ยบเป็นผู้ติดต่อให้คนนำรถยนต์มารับที่ฝั่งไทยพาไปยังบ้านของนายเจี๊ยบเพื่อพักรอเตรียมความพร้อมในการเดินทางต่อ โดยนายเจียบคิดค่าดำเนินการคนละ 2500 บาทและจะพาไปส่งที่ บริษัทนครชัยแอร์ เพื่อขึ้นรถยนต์โดยสารประจำทางของ บริษัทนครชัยแอร์ สาขา ปากแซง พาเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร จนกระทั้งมาถูก จนท.ตรวจพบ
จนท. ชุดจับกุมจึงได้ทำการจับกุมผู้ที่ไม่มีหนังสือเดินทางในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” และจับกุมผู้มีหนังสือเดินทางแต่ไม่พบข้อมูลการเข้าประเทศโดยถูกกฎหมายในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าว ไม่เดินทางเข้ามาหรือออกไปนอกราชอาณาจักรตามช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมือง เขตท่าสถานี หรือท้องที่ตามกำหนดเวลา” รวมผู้ต้องหาทั้งหมด 26 คน พร้อมตรวจยึดรถยนต์โดยสารประจำทาง บริษัทนครชัยแอร์ เขมราฐ – กรุงเทพมหานคร ทะเบียน กทม. ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เขมราฐ ดำเนินคดีตามกฎหมายและ ได้ทำการสืบสวนขยายผลพฤติการณ์ของขบวนการดังกล่าวอย่างต่อเนื่องจนกระทั้งเมื่อเวลาประมาณ 22.10 น. ของวันเดียวกัน (4 ก.ย. 63 ) สามารถทำการจับกุมแรงงานเถื่อนและยึดรถกระบะอีก 2 คัน พร้อมผู้ขับขี่ เป็นผู้ต้องหาแรงงานชาวลาวทั้งหมด 29 คน พร้อมจับกุมนายคำใบ แก้วประเสิด สัญชาติลาว และนายแล่ง อุณคูณ สัญชาติลาว ผู้ขับขี่ รวมผู้ต้องหา 31 คน ยึดรถยนต์กระบะบรรทุก อีซูซุ สีขาว ทะเบียนระยอง และรถยนต์กระบะบรรทุกนิสสัน สีเทา ทะเบียนอุบลราชธานี ได้ที่บริเวณชายแดนด้าน ต.ช่องเม็ก อ.สิรินธร ส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ช่องเม็ก ดำเนินคดีตามกฎหมาย
สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองขอเรียนให้ท่านทราบว่า เรามีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขันและจับกุมปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง