“เฉลิมชัย” นำทีมติดตามสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำภายใต้ภาวะวิกฤติลุ่มน้ำประแสร์ เตรียมแนวทางในการแก้ไขปัญหาภัยแล้งเร่งด่วนและระยะยาว หวังแก้ไขปัญหาอย่างยังยืน
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯเปิดเผยภายหลังรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำภายใต้ภาวะวิกฤติลุ่มน้ำประแสร์ ณ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาประแสร์ ว่า โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาประแสร์ สามารถส่งน้ำให้พื้นที่ชลประทาน ทั้งสิ้น 175,000 ไร่ โดยอ่างเก็บน้ำประแสร์ มีปริมาณน้ำที่ระดับน้ำเก็บกัก 295 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำประแสร์ (ข้อมูล ณ วันที่ 23 ส.ค. 63) มีจำนวน 92.65 ล้าน ลบ.ม. (31.41 %) ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ โดยกรมชลประทาน มีการจัดสรรน้ำอ่างเก็บน้ำประแสร์ (ในช่วงเดือน พ.ย. 63 – มิ.ย. 64) คาดว่าจะมีน้ำต้นทุน 248 ล้าน ลบ.ม. โดยจะมีการผันน้ำไปอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลและคลองใหญ่ การใช้น้ำเพื่อการเกษตรพื้นที่ชลประทานฝั่งซ้าย การใช้น้ำเพื่อการเกษตรพื้นที่ชลประทานฝั่งขวา การใช้น้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศ การใช้น้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค รวมถึงการระเหยและรั่วซึมของเขื่อนประแสร์ ซึ่งคาดว่าจะเหลือปริมาณน้ำใช้การถึงวันที่ 1 ก.ค. 64 จำนวน 98 ล้าน ลบ.ม. สำหรับแนวทางในการแก้ไขปัญหาภัยแล้งเร่งด่วน ได้มีการก่อสร้างระบบสูบกลับชั่วคราวคลองสะพานมาเติมอ่างเก็บน้ำประแสร์ ปัจจุบันต่อเชื่อมท่อลงอ่างฯ ประแสร์ แล้วเสร็จสามารถสูบน้ำได้ 170,000 ลบ.ม./วัน ดำเนินการสูบน้ำแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 63 – 23 ส.ค. 63 มีปริมาณน้ำ 7.11 ล้าน ลบ.ม. และงานขุดลอกแหล่งน้ำในพื้นที่บริเวณขอบอ่างเก็บน้ำประแสร์ เพื่อให้เกษตรกรในพื้นที่ขอบอ่างและบริเวณใกล้เคียงสามารถใช้น้ำในอ่างได้กรณีระดับน้ำในอ่างมีระดับต่ำลง
นอกจากนี้ ยังมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาภัยแล้งระยะยาว มีการดำเนินโครงการระบบสูบผันน้ำคลองสะพาน-อ่างเก็บน้ำประแสร์ ตำบลชุมแสง อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง โดยโครงการดังกล่าว มีระยะเวลาในการดำเนินการในปี 2562 – 2565 มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำประแสร์ เพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้แก่อ่างเก็บน้ำประแสร์ สำหรับสนับสนุนความต้องการใช้น้ำตาม “โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ตอบสนองความต้องการใช้น้ำอย่างสมดุลทั้งภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรม อีกทั้งยังเป็นการผันน้ำส่วนเกินในคลองสะพานไปเก็บกักยังแหล่งน้ำใกล้เคียง และเพื่อบรรเทาปัญหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดระยอง อีกทั้งยังมีแผนดำเนินโครงการผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์-หนองค้อ-บางพระ จังหวัดชลบุรี ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบในหลักการแผนยุทธศาสตร์โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2560 มีพื้นที่เป้าหมายหลักประกอบด้วยจังหวัดระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา โดยคาดว่าแนวโน้มการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม และอุปโภคบริโภคจะมีการขยายตัวและเติบโตเพิ่มขึ้น ส่งผลให้พื้นที่ 3 จังหวัดดังกล่าวมีความต้องการใช้น้ำเพิ่มมากขึ้น พบว่า ในระยะ 10 ปี ข้างหน้าจะมีความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นมากกว่า 100 ล้าน ลบ.ม. และเป็นความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ชลบุรีมากถึงประมาณ 80 ล้าน ลบ.ม. ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องจัดหาแหล่งน้ำเพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำดังกล่าว ซึ่งวัตถุประสงค์ในการดำเนินโครงการฯ จะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้กับอ่างเก็บน้ำบางพระ ปีละประมาณ 80 ล้าน ลบ.ม. สำหรับการอุปโภคบริโภค การอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวได้อย่างเพียงพอกับความต้องการใช้น้ำในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งเป็นการสร้างเสถียรภาพทางด้านการจัดการน้ำให้แก่พื้นที่เศรษฐกิจในจังหวัดชลบุรี มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (2564 – 2566) หากดำเนินการแล้วเสร็จ จะสามารถเพิ่มปริมาณน้ำให้อ่างเก็บน้ำบางพระจังหวัดชลบุรี ปีละประมาณ 80 ล้าน ลบ.ม. ช่วยในเรื่องการอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว ในเขตพื้นที่เศรษฐกิจของจังหวัดชลบุรี จำนวนครัวเรือนที่ได้รับผลประโยชน์ประมาณ 240,000 ครัวเรือน หรือคิดเป็น 1.20 ล้านคน
นอกจากนั้นยังมีโครงการก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำบ้านยางงาม ซึ่งจะก่อสร้างระบบแพร่กระจายน้ำด้วยท่อเหล็กเหนียวความยาวประมาณ 6 กิโลเมตร เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำในการทำสวนผลไม้ช่วงฤดูแล้ง และเพื่อกระจายน้ำให้กับเกษตรกรที่ต้องใช้น้ำในการเพราะปลูกประมาณ 5,000 ไร่ ซึ่งโครงการดังกล่าวได้รับการพิจารณาความเหมาะสมแล้ว และสำหรับโครงการสุดท้ายของแนวทางการแก้ไขปัญหาภัยแล้งระยะยาว คือโครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำบ้านแก่งหวาย ที่ตำบลชุมแสง อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง โดยก่อสร้างประตูระบายน้ำ 1 แห่ง บานระบายขนาด กว้าง 6 เมตร สูง 4.5 เมตร จำนวน 5 บาน เพื่อยกระดับน้ำในคลองสะพานให้สูงขึ้น และเพิ่มปริมาณน้ำกักเก็บในคลองสะพาน รวมถึงใช้ในการกักเก็บน้ำในช่วงฤดูแล้งสำหรับเกษตรกรผู้ใช้น้ำกว่า 900 ไร่ และยังจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำประแสร์ สำหรับสนับสนุนความต้องการใช้น้ำตามโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) โดยคาดว่าจะสามารถสูบผันน้ำจากคลองสะพานได้ถึงปีละ 50 ล้านลบ.ม. เเละมีพื้นที่การเกษตรได้รับประโยชน์ถึง 900 ไร่ โดยโครงการดังกล่าวได้รับการพิจารณาความเหมาะสมแล้ว