คุมตัวไอ้หื่นเดนคุกข่มขืน11ขวบทำแผนชาวบ้านรุมสาปแช่งทั้งตำบลเรียกร้องโทษประหาร!
ล่าสุดหลังวานนี้เมื่อเวลา 19.20 น.วันที่ 19 ส.ค.63 หลังชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ สนธิกำลัง ตร.ภาค 3 เข้าปิดล้อมพื้นที่ป่าภูผาแดง ในรอยต่อ 2 จังหวัดชัยภูมิ และขอนแก่น สามารถติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้ได้แล้ว หลังพยายามหลบหนีเข้าป่าดังกล่าวหลังก่อเหตุ มาต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค.63 ที่ผ่านมา หลังได้ติดตามไล่ล่าผู้ต้องหารายนี้ คือนายประทาน หรือฉายาไอ้อ้วนหื่น อายุ 50 ปี ชาวบ้านหนองหญ้าปล้อง ต.หนองสังข์ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ซึ่งก่อเหตุข่มขืนเด็กหญิงอายุเพียง 10 ขวบเศษกำลังจะย่างเข้า 11 ขวบในอีกไม่กี่เดือน
ซึ่งล่าสุดวันนี้เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 20 ส.ค.63 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวไอ้อ้วนหื่นไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในจุดเกิดเหตุ โดยมีทั้งนายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ได้เดินทางเข้าร่วมดูการทำแผนด้วยตนเอง พร้อมกับ พล.ต.ต.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภุมิ ( ผบก.ภ.จว.ชย.) ซึ่งมีการนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายสิบนาย เข้ามาช่วยกันพื้นที่จุดทำแผนเพราะเสี่ยงที่จะเกิดความไม่พอใจของชาวบ้านจำนวนมากที่จะเสี่ยงถูกรุมประชาทัณฑ์ในครั้งนี้ด้วยได้
ท่ามกลางชาวบ้านนับร้อยคน ที่ถึงแม้ว่าระหว่างพาตัวผู้ต้องหารายนี้เข้ามาทำแผนในพื้นที่เกิดเหตุ ที่แม้จะมีฝนตกลงมาชาวบ้านนับร้อยคนมาจากทั้งตำบลก็ไม่พากันหนีรอยืนตากฝนรอดูการทำแผนและอยากดูหน้าผู้ก่อเหตุ พร้อมกล่าวร้องสาปแช่งและต่างเรียกร้องให้มีการดำเนินคดีขั้นโดขาดสูงสุดให้ประหารชีวิตในครั้งนี้ด้วย เพราะผู้ต้องหารายนี้เคยก่อเหตุมีคดีต้องโทษติดคุกมาแล้วอย่างโชกโชนสุดที่จะให้อะไรได้อีกแล้ว และหากติดคุกปล่อยกลับออกมาคิดชาวบ้านก็ต้องหวาดผวาเดือดร้อนตามมาอีกได้
ก่อนที่ช่วงค่ำกว่า 21.00 น.วันเดียวกันของวันเกิดเหตุที่ 16 ส.ค.63 ชาวบ้านไปพบเด็กขี่จักรยานออกมาจากบริเวณป่าช้าบ้านหนอหญ้าปล้อง แจ้งว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีเข้าป่าภูผาแดง รอยต่อ 2 จังหวัดเขตจ.ชัยภูมิ และจ.ขอนแก่น ไป ทางพ่อและญาติเด็กหญิง 11 ขวบ จึงได้นำตัวเด็กหญิงผู้เสียหายส่ง รพ.เพื่อตรวจร่างกาย พบร่องรอยการถูกข่มขืน จึงไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.หนองสังข์ ดำเนินการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลออกหมายจับ และศาลจังหวัดภูเขียว ได้อนุมัติตามหมายจับที่ 91/2563 ลงวันที่ 17 สิงหาคม 2563
ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะใช้เวลาควบคุมตัวผู้ต้องหารายนี้เข้ามาทำแผนในทุกจุดใช้เวลากว่า 30 นาที ก่อนพาตัวขึ้นรถนำตัวไปฝากขังที่เรือนภูเขียว ไอ้อ้วนผู้ต้องหารายนี้ ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะแสดงความสำนึก แม้กระทั่งผู้ว่าราชการจ.ชัยภูมิ สอบถามว่าจะรับสารภาพว่าข่มขืนไหม ผู้ต้องหารายนี้เองยังยืนยันปฏิเสธว่า ไม่ได้ข่มขืน ด.ญ.11 ขวบ ต่อหน้าพระประธานในวัด แค่ใช้อวัยวะเพศถูกไถของสงวนน้องเพื่อสำเร็จความใคร่ให้ตัวเองทำไปเพราะความเมาเท่านั้นอีก
โดยการพาตัวผู้ต้องหาทำแผนประกอบคำรับสารภาพในครั้งนี้ นายประทานฯ ผู้ต้องหารายนี้ ได้วางแผนมาพบกับพ่อของ ด.ญ.11 ขวบ ที่บ้านซึ่งพ่อเด็กผู้เสียหายเคย เป็นเพื่อนต่างรุ่นกัน ในวันเกิดเหตุ เวลาประมาณ 10.00 น.ได้ทำทีมาหานั่งดื่มสุราที่บ้าน ก่อนที่จะมอมสุราให้พ่อเด็กหลับไป เวลาประมาณ 11.00 น.วันที่ 16 ส.ค.63 ที่ผ่านมา
ก่อนที่ผู้ก่อเหตุได้ลวงเด็กหญิง 11 ปี ให้นั่งซ้อนจักรยาน บอกว่าจะพาไปร้านซ่อมโทรศัพท์ที่ร้านโทรศัพท์ แต่กลับพาไปที่วัดหรือสำนักสงฆ์ร้างใกล้ป่าช้า เพื่อบังคับข่มขืนและบังคับให้เด็กดื่มสุรา แต่ผู้ต้องหายังปฏิเสธว่าไม่ได้บังคับใหน้องกินยาบ้าเข้าไป เพียงแต่ให้ดื่มสุราไป 1 แก้วเท่านั้น ในจุดต่อหน้าพระพุทธรูปพระประธานในวัด และบังคับมาที่กระท่อมนาอีกจุด ทางทิศตะวันตกของหมู่บ้านหนองหญ้าปล้อง และบังคับข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ โดยใช้อาวุธมีดจี้บังคับข่มขู่ จนสำเร็จความใคร่ 2 ครั้ง ที่ผู้ต้องหาเองก็ยังปฏิเสธว่าไม่ได้ข่มขืน เพียงแต่ใช้อวัยวะเพศถูไถอัวัยเพศของน้องจนตัวเองสำเร็จความใคร่เท่านั้น
ก่อนจะบังคับใช้มีดจี้พาเด็กหญิงหลบหนี หลังพ่อของเด็กที่ได้ไปแจ้งความต่อผู้นำชุมชนและร่วมกับชาวบ้านช่วยกันออกติดตามหา จนกระทั่งเวลาประมาณ 17.30 น.วันเกิดเหตุ จึงพบเด็กหญิง 11 ขวบ ถูกใช้มีดจี้พาหนีเข้าป่าดังกล่าวไปด้วยและทิ้งตัวไว้ที่บริเวณใกล้ป่าช้าให้น้องกลับบ้านเอง ก่อนที่ตัวเองจะหลบหนีเข้าป่าดังกล่าว
จนทางด้านผบ.ตร. ได้มีการสั่งตรงลงมาให้ ตร.ภาค 3 เร่งมอบหมายให้ พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี รอง ผบชภ.3 (หน.สส.) พร้อมด้วยพล.ต.ต.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผบก.ภ.จวชัยภูมิ หลังได้รับรายงานจึงได้เร่งสั่งระดมกำลังออกติดตมจับกุมผู้ต้องหาอย่างต่อเนื่องมาจะเข้าวันที่สี่ที่เกิดเหตุจนกระทั่งวานนี้ (19 สิงหาคม 2563) เวลาประมาณกว่า 15.00 น. กำลังตำรวจโดยการนำของพ.ต อ.ไพโรจน์ ขุนหมื่น รอง ผบก.ภ.จวชัยภูมิ พร้อมด้วยพ.ต.อ.สรวิศ มาอินทร์ ผกก.สส.ภ.จว.ชัยภูมิ, พ.ต.อ.ยุทธพงษ์ ยอดนวล ผกก.สส1, พ.ต.อ.สุกาญจน์ นิลอ่อน ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.3 กำลังตำรวจ ฝ่ายปกครอง กำนันผู้ใหญ่บ้าน ได้ร่วมกันออกติดตาม จนสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ได้แล้ว ในช่วงหนีไปหลบซ่อนตัวอยู่ บนเขาภูผาคำ-ภูผาแดง พื้นที่บ้านโคกม่วง ม.9 ต.หนองสังข์ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ซึ่งเป็นเขตติดต่อของจ.ชัยภูมิ กับ อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น
ก่อนที่จะควบคุมตัวมาสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งไม่ใช่ภรรยาหรืสามีตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธ และโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ , พาเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจาร และ พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีเพื่ออนาจาร ก่อนที่วันนี้ได้มีการควบคุมตัวผู้ต้องหารายนี้ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพเพื่อควบคุมตัวส่งดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบมีประวัติการก่อเหตุของผู้ต้องหารายนี้มาแล้วอย่างโชกโชน ทั้งเคยกระทำความผิดทั้งไปบังคับข่มขืนหญิงสูงอายุอีกหลายราย ที่ไม่มีใครกล้าออกมาแจ้งความในอีกหลายพื้นที่อีกด้วย รวมทั้งมีประวัติก่อเหตุมาอย่างโชกโชน กว่า 5 ครั้ง มาตั้งแต่ผู้ต้องหารายนี้เองมีอายุประมาณ 30 ปี จนปัจจุบันอายุ 50 ปีแล้ว มาตั้งแต่ช่วงปี 2549 ผู้ต้องหารายนี้เคยถูกจับคดีฉ้อโกงฯพื้นที่ อ.สิเกา จ.ตรัง ปี 2550 คดีลักทรัพย์ พื้นที่ อ.แก้งคร้อ ปี 2555 คดีลักทรัพย์ พื้นที่ สภ.หนองสังข์ ปี 2562 คดีครอบครองยาเสพติดฯ ท้องที่ สภ.หนองสังข์ และถูกคุมขังมาแล้ว 3 ครั้ง มาตั้งแต่ 5 ม.ค.55 – 3 ม.ค.59 ครั้งที่ 2 30 เม.ย.- 16 พ.ย.61 และครั้งที่ 3 16 ก.พ.62 – 13 พ.ย.62 และเพิ่งพ้นโทษออกมาไม่นาน ก่อนที่จะมาก่อเหตุข่มขืน ด.ญ.11 ขวบ และมาถูกจับกุมดำเนินคดีในครั้งนี้ล่าสุดอีกด้วย
คำหอม ชุมชน 02 ผู้สื่อข่าว จ.ชัยภูมิ