ที่ดินบ้านห้วยพระยังวุ่น รก.ที่ดินอำเภอท่าอุเทนเตะถ่วง ร่อนหนังสือให้กรรมการ ทบทวนมติเพิกถอนเอกสารสิทธิ ปฏิรูปที่ดินงงชี้เป็นความเห็นส่วนตัว

ที่ดินบ้านห้วยพระยังวุ่น รก.ที่ดินอำเภอท่าอุเทนเตะถ่วง ร่อนหนังสือให้กรรมการ ทบทวนมติเพิกถอนเอกสารสิทธิ ปฏิรูปที่ดินงงชี้เป็นความเห็นส่วนตัว

 

เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2563 นายเรืองชัย วงษ์อุระ อาสาสมัครคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพภาคประชาชนจังหวัดนครพนม กระทรวงยุติธรรม ได้เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า สืบเนื่องจากการที่กรมที่ดินได้มีคำสั่งแต่งตั้งกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2562 กรณีพบว่ามีโฉนดที่ดินจำนวน 14 แปลง และ นส.3 ก อีก 33 แปลง ของบริษัทเกษตรปิยมิตร ออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยคณะกรรมการชุดดังกล่าวประกอบด้วย 1.เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครพนม สาขาท่าอุเทน เป็นประธานกรรมการ 2.นายอำเภอท่าอุเทน 3.นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าจำปา 4.ปฎิรูปที่ดินจังหวัดนครพนม และ5.นายศิริสานนท์ กุลฉวะ นักวิชาการที่ดินชำนาญการเป็นกรรมการและเลขานุการ

โดยประธานคณะกรรมการการสอบสวน ได้รับทราบคำสั่งเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2563 ในการนี้คณะกรรมการสอบสวนจะต้องดำเนินการสอบสวนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง ซึ่งออกตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินให้แล้วเสร็จภายในเวลาหกสิบวัน นับแต่ได้มีคำสั่งให้ทำการสอบสวน แต่หากมีเหตุขัดข้องไม่สามารถดำเนินการสอบสวนให้แล้วเสร็จได้ ก็สามารถแจ้งเหตุขัดข้องดังกล่าวไปยังอธิบดีกรมที่ดินเพื่อขอขยายเวลาออกไปอีกตามความจำเป็นแต่ไม่เกินหกสิบวัน นับแต่ระยะเวลาสอบสวนครั้งแรกสิ้นสุดลง ซึ่งประธานคณะกรรมการได้ขอขยายระยะเวลาการสอบสวนออกไปแล้ว และได้ครบกำหนดเส้นตายเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2563

ซึ่งคณะกรรมการชุดดังกล่าว ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2563 และมีมติเป็นเอกฉันท์ เสนอความเห็นต่ออธิบดีกรมที่ดินว่า สมควรเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดิน น.ส. 3ก จำนวน 31 แปลง และ โฉนดที่ดินจำนวน 14 แปลง ของบริษัทเกษตรปิยมิตร เพราะทุกแปลงเป็นเอกสารสิทธิที่ออกสืบเนื่องจากใบจองที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการออกที่ฝ่าฝืนต่อมาตรา 33 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินและระเบียบของคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อประชาชน พ.ศ.2498 และในส่วนของโฉนดที่ดินเลขที่ 19131,13233,19243,19238,19235,19236 ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม นั้น นอกจากจะออกสืบเนื่องจากใบจองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ในชั้นการออกโฉนดที่ดินคณะกรรการสอบสวนเห็นว่ายังเป็นการออกทับที่สาธารณประโยชน์ทั้งเต็มแปลงและบางส่วน โดยเป็นการออกทับห้วยหลง ห้วยจ่องล่อง ห้วยบ่อ และหนองข้าซึ่งเป็นหนองน้ำสาธารณประโยชน์สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน จึงเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 59 ตรี แห่งประมวลกฎหมายที่ดินและระเบียบของคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2536) ว่าด้วยเงื่อนไขการออกโฉนดที่ดินหรือการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์หมวด 2 ข้อ 8 เป็นการออกโฉนดที่ดินทับแปลงอื่น ซึ่งเป็นที่ดินนอกหลักฐาน เห็นควรเสนอความเห็นต่ออธิบดีกรมที่ดินสั่งเพิกถอนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินต่อไป
แต่หลังจากคณะกรรมการมีมติดังกล่าวแล้ว

 

นายเรืองชัย วงษ์อุระ อาสาสมัครคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพภาคประชาชนฯ ได้ติดตามตรวจสอบผลการมีมติดังกล่าว เนื่องจากเวลาได้ล่วงเลยกำหนดเส้นตายตามกรอบเวลามาเนิ่นนานแล้ว พบว่าเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2563 นายศิริสานนท์ กุลฉวะ กรรมการและเลขานุการของคณะกรรมการชุดดังกล่าว ได้มีหนังสือถึงกรรมการทุกคน ขอให้ทบทวนหรือรับรองการประชุมที่ประชุมเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2563 โดยนายศิริสานนท์อ้างว่าตนเองได้พบว่ามีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายพร้อมทั้งระเบียบที่เกี่ยวข้องในหลายประการที่ตนเองได้ตรวจสอบพบ และยังไม่ได้พิจารณาโดยละเอียดรอบคอบ โดยระบุให้กรรมการทุกคนพิจารณาว่าจะรับรองรายงานการประชุมตามมติเดิมหรือจะมีความเห็นเพิ่มเติม หรือความเห็นแย้งอย่างไรให้แจ้งให้ตนทราบภายใน 15 วัน นับแต่ได้รับหนังสือดังกล่าวหากพ้นกำหนดแล้วจะถือว่ากรรมการยืนยันตามมติที่ประชุมเดิม

โดยนายเรืองชัยได้เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่านายศิริสานนท์ กุลฉวะ ซึ่งปัจจุบันรักษาการตำแหน่งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครพนม สาขาท่าอุเทน ไม่อาจกระทำได้เนื่องจากคณะกรรมการชุดดังกล่าวได้มีมติเป็นเอกฉันท์ไปแล้ว เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2563 และกรอบเวลาของคณะกรรมการได้สิ้นสุดลงแล้วเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2563 ทางเดียวที่นายศิริสานนท์จะทำได้คือ นำเสนอมติของคณะกรรมการให้อธิบดีกรมที่ดินดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เท่านั้น การกระทำของนายศิริสานนท์ดังกล่าว เป็นการกระทำเกินอำนาจหน้าที่ อาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 157 ซึ่งหลังจากนี้ตนจะตรวจสอบว่ามติของคณะกรรการตามมาตรา 61 ขณะนี้ได้ส่งถึงมืออธิบดีกรมที่ดินแล้วหรือยัง หากยังไม่ดำเนินการใดๆ ตนจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เพราะถือว่าเป็นการเตะถ่วงเรื่องดังกล่าวเพื่อไม่ให้อธิบดีกรมที่ดินลงนาม

 

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปสอบถาม นายชัชวาลย์ ทรัพย์ยอดแก้ว ปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ก็ได้ชี้แจงว่ามติคณะกรรมการฯเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2563 ถือว่าเป็นเอกฉันท์และเป็นข้อยุติแล้ว เมื่อเห็นหนังสือที่นายศิริสานนท์ กุลฉวะ นักวิชาการที่ดินชำนาญการ รักษาการในตำแหน่งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครพนม สาขาท่าอุเทน ซึ่งเป็นทั้งกรรมการและเลขานุการ ที่ นพ 0020.02/5857 ลงวันที่ 7 สิงหาคม 2563 เรื่องให้ทบทวนหรือรับรองรายงานการประชุมคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน โดยท้ายหนังสือฉบับนี้นายศิริสานนท์ได้แสดงความเห็นส่วนตัวที่ไม่ใช่มติของคณะกรรมการฯว่า “ข้พเจ้ามีความเห็นดังนี้คือ ให้รอการเพิกถอนโฉนดและ น.ส.3 ก. ตามคำสั่งกรมที่ดินที่ 3879/2562 ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2562 ไว้ก่อน ให้สำนักงานที่ดินจังหวัดนครพนม สาขาท่าอุเทน ขออนุมัติจากกรมที่ดินดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมใหม่ ได้ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติอย่างไรให้เสนอความเห็นไปยังกรมที่ดินอีกครั้ง ส่วนมติที่ประชุมเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2563 นั้นยกเลิก” ตนจึงส่งหนังสือฉบับนี้ให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณา แต่มติในที่ประชุมนั้นถือว่าสิ้นสุดแล้ว

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวติดต่อไปยังสำนักงานที่ดินจังหวัดนครพนม สาขาท่าอุเทน เพื่อขอสัมภาษณ์นายศิริสานนท์ ได้ทราบจากเจ้าหน้าที่ว่ารักษาการเจ้าพนักงานที่ดินฯ เดินทางไปราชการที่กรุงเทพฯ  สำหรับมติในที่ประชุมคณะกรรมการสอบสวนฯ เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2563 ณ ห้องประชุมสำนักงานที่ดินจังหวัดนครพนม สาขาท่าอุเทน มีความเห็นดังนี้ “ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์เสนอความเห็นต่ออธิบดีกรมที่ดินว่าควรเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดิน น.ส.3 ก. และโฉนดที่ดินตามที่ระบุในระเบียบวาระที่ 1 ทุกแปลง เพราะเป็นเอกสารสิทธิที่ออกสืบเนื่องจากใบจองที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายฝ่าฝืนต่อมาตรา 33 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และระเบียบของคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อประชาชน พ.ศ.2498 และในส่วนของโฉนดที่ดินเลขที่ 19131,13233,19243,19238,19235,19236 อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม

นอกจากจะออกสืบเนื่องจากใบจองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ในชั้นการออกโฉนดที่ดินคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่าออกทับที่สาธารณประโยชน์ทั้งเต็มแปลงและบางส่วน ไม่ว่าจะเป็นห้วยหลง ห้วยจ่องล่อง ห้วยบ่อ และหนองข้าสาธารณประโยชน์จริงจึงเป็นการฝ่าผืนมาตรา 59 ตรี แห่งประมวลกฎหมายที่ดินและระเบียบของคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติฉบับที่ 12(พ.ศ.2536) ว่าด้วยเงื่อนไขการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์หมวด 2 ข้อ.8 เป็นการออกโฉนดที่ดินทับแปลงอื่นซึ่งเป็นที่ดินนอกหลักฐานควรเสนอความเห็นต่ออธิบดีกรมที่ดินสั่งเพิกถอนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน” โดยมีนายศิริสานนท์ กุลฉวะ เป็นผู้จดรายงานการประชุม และนายชัยนันท์ กั้นชัยภูมิ อดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครพนม สาขาท่าอุเทน เป็นผู้ตรวจรายงานการประชุม

เทพพนม รายงาน