“วันนี้ที่รอคอย” หนุ่มนครสวรรค์ตามหาแม่ชาวนครพนมผ่านสมาคมนักข่าวฯ สุดดีใจเปิดวีดีโอคอลหาแม่ น้ำตาแห่งความดีใจทะลัก
จากกรณีมีนายวิทวัส คำภู หรือต้น อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16/6 ม.3 ต.บึงเสนาท อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ติดต่อเข้าไปในเพจสิรินิวส์ ซึ่งเป็นเพจข่าวที่อยู่ในสังกัดสมาคมนักข่าวจังหวัดนครพนม ว่า อยากติดตามหาแม่เป็นคนนครพนมที่พลัดพรากกันนานกว่า 25 ปี โดยมีหลักฐานระบุในทะเบียนบ้านว่า มารดาชื่อนางลมโชย พร้อมเลข 13 หลักของบัตรประชาชน ส่วนบิดานายเรืองฤทธิ์ ไม่มีรหัสบัตรประชาชน จึงอยากให้เพจสิรินิวส์เป็นสื่อกลางติดตามหาตัวนางลมโชย
นายวิทวัสปัจจุบันทำงานเป็นเซลล์ขายปุ๋ยอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์ เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า เท่าที่จำความได้ตนเคยอยู่กับพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงในจังหวัดนครสวรรค์ ต่อมาท่านทั้งสองเสียชีวิต จึงมีคนนำมาฝากไง้ที่วัดศรีสวรรค์สังฆาราม หรือวัดถือน้ำ ตั้งอยู่ที่ตำบลนครสวรรค์ ถนนพหลโยธิน (นครสวรรค์-กรุงเทพฯ ) เข้าไปทางค่ายจิรประวัติ อาศัยข้าวก้นบาตร ตลอดจนพระท่านส่งให้เรียนจนจบชั้น ป.6 จึงออกมาทำงาน ก่อนจะมาเป็นเซลล์ขายปุ๋ยดังกล่าว จำได้ว่าแม่ที่ชื่อนางลมโชยเป็นคนอำเภอเรณูนคร จึงอยากจะเจอหน้าแม่สักครั้ง หลังที่พลัดพรากกันนานถึง 25 ปี
ล่าสุด วันที่ 17 สิงหาคม 2563 ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบตามเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ทราบว่านางลมโชย คำภู ปัจจุบันอายุ 77 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71 หมู่ 4 บ้านโนนสะอาด ต.หนองย่างชิ้น อ.เรณูนคร จ.นครพนม จึงเดินทางไปยังบ้านเลขที่ดังกล่าว ที่อยู่ข้างโรงเรียนชุมชนบ้านหนองย่างชิ้น โดยมีลูกสาวเปิดเป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวและน้ำปั่น พบนางลมโชยนั่งอยู่ที่เก้าอี้พลาสติก จึงสอบถามที่มาที่ไปจึงทราบว่า นายวิทวัสหรือต้นไม่ใช่ลูกที่กำเนิดจากตน แต่เป็นลูกของน้องสาวที่ไปทำมาค้าขายอยู่จังหวัดนครสวรรค์
นางลมโชยเล่าว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งไปช่วยน้องสาวขายของ ซึ่งขณะนั้นท้องแก่ใกล้คลอดอยู่นครสวรรค์ และน้องสาวได้ขอยืมบัตรประชาชนตนไป โดยตอนนั้นไม่รู้ว่าเอาไปทำอะไร มาทราบตอนหลังว่านำไปแจ้งเกิดลูกชายคือนายวิทวัส ซึ่งน้องสาวอ้างเหตุผลว่าเขาค้าขายอยู่ไม่เป็นที่เป็นทาง กลัวว่าลูกจะตกระกำลำบากจึงเอาบัตรประชาชนของพี่สาวไปแจ้งเกิดแทน จากนั้นมาตนก็เลี้ยงดูทารกแรกเกิดคนนี้จนอายุ 5 ขวบ และเคยพามาอยู่กับครอบครัวที่นครพนมด้วย
ต่อมาน้องสาวล้มป่วยเสียชีวิต ตนก็พานายวิทวัสไปเผาศพแม่ที่แท้จริง ระหว่างนั้นมีผู้ใจบุญรักเอ็นดูจึงขอรับเลี้ยงเด็กคนนี้ ประกอบกับขณะนั้นตนมีลูกถึง 5 คน เป็นภาระที่หนักมาก เพราะแยกทางกับสามี จึงยอมมอบให้ผู้ใจบุญดูแลนายวิทวัสแทน ตนก็เดินทางกลับมานครพนม และขาดการติดต่อตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา แต่ยังคิดถึงเด็กคนนี้ตลอดเวลา คาดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้ที่ได้เจอกัน
ผู้สื่อข่าวจึงเปิดวีดีโอคอลให้ทั้งสองพบหน้า นายวิทวัสเห็นนางลมโชยก็ร้องไห้ด้วยความดีใจ ขณะที่นางลมโชยและลูกๆที่อยู่ใกล้ต่างน้ำตาซึมไปด้วย ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันไปมา โดยนายวิทวัสบอกว่าจะหาเวลามากราบเท้านางลมโชย และให้นางลมโชยดูแลสุขภาพด้วย พร้อมทั้งขอบคุณนักข่าวที่ติดต่อให้ทั้งคู่ได้พบเจอกัน ซึ่งนางลมโชยก็อยากให้นายวิทวัสมาอยู่กับพี่น้องที่นครพนม แม้จะไม่ใช่ลูกในไส้ก็ตาม แต่ความผูกพันที่เลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะ และไม่รู้มาก่อนเลยว่าพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงของนายวิทวัสจะเสียชีวิตจนต้องไปอาศัยอยู่ที่วัด “อยากจะกอดลูกคนนี้แต่คงไปหาเองไม่ได้เพราะนั่งรถไกลๆแล้วจะเวียนหัว” นางลมโชยกล่าว
เทพพนม รายงาน