ผู้การนครพนม สะบัดปากกา ย้ายนายตำรวจปืนลั่นช่วยราชการ พร้อมแจ้งข้อหากระทำเกินกว่าเหตุพ่วงวินัย ยันให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
วันที่ 27 กรกฎาคม 2563 พ.ต.อ.กวีศักดิ์ สุขบาง ผกก.สภ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม เปิดเผยความคืบหน้า เกี่ยวกับคดี ร.ต.ท.วิจิตร บางปา รองสารวัตรสืบสวน งานป้องกันปราบปรามฯ ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าสายตรวจประจำตำบลบ้านค้อ เข้าระงับเหตุชายเมาอาละวาดคลุ้มคลั่งคือ นายลำเพย จำปา อายุ 48 ปี จนมีการทำร้ายร่างกายและนายลำเพยถูกยิงเสียชีวิตบนถนนคอนกรีตพื้นที่บ้านค้อ หมู่ 1 ต.บ้านค้อ เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. วันที่ 25 กรกฎาคม 2563 โดยญาตินำคลิปเหตุการณ์ออกมาเผยแพร่บนโลกโซเซียล พร้อมถามว่าตำรวจทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
ล่าสุด พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม มีคำสั่งให้สอบสวนอย่างตรงไปตรงมา และดำเนินคดีตามขั้นตอน กำชับต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย เบื้องต้นในส่วนของญาติผู้ตายได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ ร.ต.ท.วิจิตร บางปา อายุ 58 ปี โดยทางพนักงานสอบสวน พ.ต.ท.อิทธิศักดิ์ ชมศรีหาราชพร ได้รับเป็นคดีพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาไว้เบื้องต้น คือ กระทำโดยประมาทและการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนวินัยตามขั้นตอนของกฎหมาย
ซึ่งทางตำรวจคู่กรณีได้ออกจากโรงพยาบาล มารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว แต่ยังต้องรอสอบสวนเพิ่มเติม เนื่องจากยังอยู่ช่วงการพักฟื้นรักษาตัวจากบาดเจ็บถูกตายฟันศีรษะ ในส่วนของพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วสามารถปล่อยตัวชั่วคราว ไม่ต้องส่งฝากขัง รอขั้นตอนการสอบสวน นอกจากนี้ทางตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ได้มีคำสั่งย้ายให้ไปช่วยราชการ ประจำที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม เพื่อไม่ให้กระทบต่อการดำเนินคดี และลดกระแสความไม่พอใจของญาติผู้ตาย
ด้าน พ.ต.อ.กวีศักดิ์ สุขบาง ผกก.สภ.โพนสวรรค์ เปิดเผยว่าสำหรับการดำเนินคดี จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรก คือ ญาติผู้ตายแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับตำรวจ ซึ่งจะต้องรอกระบวนการสอบสวน รวมถึงรอการส่งศพผู้ตายไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวช จ.ขอนแก่น ในวันพุธที่ 29 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้ ซึ่งในส่วนของความผิดอื่นๆ จะต้องรอสรุปพยานหลักฐานสามารถแจ้งเพิ่มเติมได้ รวมถึงประเด็นของเจตนาฆ่าหรือไม่ และกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ จึงจะต้องรอขั้นตอนการสอบสวน ตอนนี้แจ้งข้อหาเบื้องต้นตามพยานหลักฐานปก่อน
ในส่วนที่สองทางตำรวจได้มีการแจ้งข้อหาสำหรับผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นขั้นตอนทางกฎหมาย ในความผิด 2 ข้อหา คือ ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่โดยมีหรือใช้อาวุธมีด และข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ เพราะมีพยานหลักฐานว่าผู้ตายใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายตำรวจ จนได้รับบาดเจ็บเช่นกัน และส่วนที่สามตำรวจจะได้เข้าไปพูดคุยวางแนวทางการดูแลเยียวยาครอบครัวผู้เสียหายในส่วนที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ตำรวจจะต้องดูแล ไม่ว่าจะผิดหรือถูก เพราะเกิดความสูญเสีย โดยทางตำรวจยืนยันขอให้ประชาชน มั่นใจในการทำงานของตำรวจเกี่ยวกับการดำเนินคดี เพราะขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ถึงแม้คู่กรณีจะเป็นตำรวจ หรือชาวบ้าน จะต้องมีมาตรฐานในการดำเนินคดีเช่นกัน ไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอย่างแน่นอน หากพยานหลักฐานสรุปว่าตำรวจกระทำผิด จะต้องได้รับโทษเช่นกัน ซึ่งต้องรอขั้นตอนการดำเนินคดี ขอให้มั่นใจตำรวจทำงานเต็มที่ตรงไปตรงมา
เทพพนม. รายงาน