เปิดเทอมวันแรก ผู้ปกครองชูป้ายไม่ให้ย้าย ผอ.โรงเรียนอ่างทองพัฒนา พร้อมคัดค้านไม่รับครูผู้ช่วยมาสอนเด็ก
วันที่ 1 กรกฎาคม ที่โรงเรียนบ้านอ่างทองพัฒนา หมู่ที่ 5 ตำบลนาหูกวาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายสถาปัตย์ ลิ้มเสรี นิติกรสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต1 ( สพป.เขต 1 ) นายวรวิทย์ ดวงแก้ว ปลัดอำเภอทับสะแก พร้อมเจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.ทับสะแก เดินทางลงพื้นที่โรงเรียนอ่างทองพัฒนา เพื่อเจรจากับชาวบ้านและผู้ปกครองนักเรียนประมาณ 30 ราย ที่นำป้ายกระดาษเขียนด้วยปากกาเมจิกมาช่วยกันถือ ขอร้องไม่ให้ย้าย นางสุภาพรรณ จูสวย ผู้อำนวยการโรงเรียนอ่างทองพัฒนา และขอให้ย้ายครูผู้ช่วย 3 ราย ออกนอกพื้นที่
นายสถาปัตย์ ลิ้มเสรี นิติกร และนายวรวิทย์ ได้ทำความเข้าใจกับชาวบ้านและผู้ปกครองว่า ที่ผ่านมา ผอ.โรงเรียนได้ถูกร้องเรียนจากการใช้งบประมาณ และการบริหารงานภายใน เช่นการจัดทำอาหารกลางวันไม่มีคุณภาพ ซึ่งขณะนี้สำนักงานศึกษาธิการ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง อยู่ระหว่างการพิจารณายังไม่มีผลสรุป คงต้องใช้เวลาสอบให้รอบด้าน อีกทั้ง สปพ.เขต 1 ยังไม่มีคำสั่งย้ายผู้อำนวยการโรงเรียนแต่อย่างใด ซึ่งทราบว่ามีปัญหาความขัดแย้งระหว่าง ผอ.โรงเรียนกับครูผู้ช่วย 3 ราย และเป็นปัญหาภายในของระบบการบริหารงานบุคคล
ดังนั้น การแก้ปัญหาจะต้องรอสรุปผลการสอบสวนข้อเท็จจริงในประเด็นต่างๆให้ชัดเจน ซึ่งขณะนี้ได้แจ้งให้ครูผู้ช่วย 3 ราย เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราวหรือช่วยราชการ ที่ สพป.เขต 1 เพื่อลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างโรงเรียนกับประชาชนในพื้นที่แล้ว
ชาวบ้านในพื้นที่เล่าว่า ไม่อยากให้ครูบางคนอยู่โรงเรียนนี้ เพราะชอบด่าเด็กต่างๆนานา กล่าวว่าเสียดสีเด็ก เช่นเรียกลูกหลานของตนว่า “อีดำ อี ฯลฯ” ทำให้เด็กเสียใจ เด็กบางคนถูกเก็บกด แต่ไม่กล้าบอกผู้ปกครอง เพราะเกรงกลัว อีกทั้งไม่ทำงานตามที่ผู้บริหารสั่ง ชาวบ้านจึงได้พุดคุยกันอีกทั้ง ผอ.คนปัจจุบัน มาดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 2559 เป็นคนดี เป็นที่รักของชาวบ้าน จึงไม่อยากให้ย้ายไปที่อื่นสำหรับประเด็นการร้องเรียนที่กล่าวหาว่า อาหารกลางวันไม่มีคุณภาพนั้น พบว่าภาพบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ไปร้องเรียนเป็นภาพที่เด็กกินมาม่าตอนบ่ายๆ ไม่ใช่อาหารกลางวัน และภาพที่มีแต่ข้าวเปล่า เพราะถ่ายเด็กกินหมดแล้ว และแบบเจาะจงจานเดียว ไม่ถ่ายมุมกว้างๆ ซึ่งถ้าย้ายครูผู้ช่วยไปช่วยราชการที่ สนง.สพป.ปข.1 ผู้ปกครองก็จะมาช่วยเหลือในการดูแลเด็ก แต่ถ้าสำนักงานเขตฯ ไม่มีการดำเนินการผู้ปกครองบางคนก็จะย้ายบุตร หลาน ไปเรียนที่อื่น