กลุ่มเสื้อเขียวเฮ หลังศาล ปค.สูงสุด ยกคำร้องบริษัทเอกชนรายใหญ่
เตรียมผลักดันป่าพรุแม่รำพึงต่อในระดับนานาชาติ
วันที่ 10 มิถุนายน 2563 นางจินตนา แก้วขาวประธานกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบ้านกรูด อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ศาลปกครองสุดมีคำพิพากษายกคำร้องกรณีบริษัทในเครือสหวิริยา ที่ ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน ขอเพิกถอนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2552 กรณีเห็นชอบขึ้นทะเบียนพรุแม่รำพึง เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำระดับชาติ และเห็นชอบกับมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ 17 มาตรการตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 2 /2552 ลงวันที่ 4 พฤษภาคม 2552 ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จากการพัฒนาเพื่อใช้ประโยชน์ของกลุ่มทุน และเป็นการอนุรักษ์พื้นที่ในระยะยาว
“ก่อนหน้านี้ทราบว่าบริษัทเอกชนเตรียมถมพื้นที่สูง 4 – 7 เมตร เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กต่อเนื่อง ขณะที่ปัจจุบันยังมีการออกโฉนดที่ดินบางส่วนทับซ้อนในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้มีข้อพิพาทหลังกรมที่ดินเสนอเพิกถอนโฉนด ล่าสุดอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด สำหรับป่าพรุแม่รำพึงถือเป็นพื้นที่แก้มลิง รับน้ำขนาดใหญ่ที่ใช้ป้องกันปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากที่ อ.บางสะพาน หากบริษัทเอกชนจะที่ดินแปลงดังกล่าวเพื่อการพัฒนาจะต้องทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิงแวดล้อมหรือ อีไอเอ.ที่มีขั้นตอนและรายละเอียดมากพอสมควร” นางจินตนา กล่าว
นางจิตนา กล่าวอีกว่า ศาลปกครองสูงสุดชี้ให้เหตุผลว่า การดำเนินการตามนโยบายการส่งเสริมและการสนับสนุนการผลิตเหล็กขั้นต้น ตามที่บริษัทนำเสนอ จะลดปริมาณการนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศทำให้มีดีต่อระบบเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในประเทศ แต่เมื่อสถานการณ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน การลงทุนทำให้มีการใช้ทรัพยากรเพื่อสนองตอบ ต่อความต้องการในการพัฒนา จึงส่งผลกระทบต่อสมดุลของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
“เมื่อพิจารณาสภาพพื้นที่ป่าพรุแม่รำพึงตามรายงานฉบับสมบูรณ์โครงการสำรวจสภาพพื้นที่ชุ่มน้ำประเภทพรุ จัดทำโดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยเสนอต่อสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว เห็นว่า ครม. เห็นชอบให้พรุแม่รำพึง เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติ ตามที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมเสนอ จึงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยชอบด้วยกฎหมาย และภายหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ผ่านพ้นไป ทางกลุ่มเตรียมเดินหน้าผลักดันต่อ ให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำในระดับนานาชาติต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาติดขัดในเรื่องการผลักดันเนื่องจากติดขัดเพราะเรื่องดังกล่าวอยู่ในการพิจารณาของศาลปกครอง แต่เมื่อศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาออกมาเช่นนี้แล้ว ทางกลุ่มพร้อมจะเดินหน้าต่อเพื่ออนุรักษ์พื้นที่ดังกล่าวให้เป็นประโยชน์ต่อพื้นที่และประเทศชาติต่อไป” นางจินตนา กล่าว
พิสิษฐ์ รื่นเกษม ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์