ยื่นคำขาด ก่อนปลดเจ้าอาวาสวัดโบสถ์เหรียญบาท เร่งเจรจาใช้หนี้ 4.6 ล้านภายใน 7 วัน หลังแพ้คดีผู้รับเหมาฟ้องแพ่ง
จากกรณีชาวบ้านจากหมู่ 3 บ้านทุ่งเคล็ด ต.นาหูกวาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ และญาติธรรมจาก กทม. เดินทางมารวมตัวที่ในวัดคลองวาฬ พระอารามหลวง เขตเทศบาลตำบลคลองวาฬ อ.เมืองฯ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2563 เพื่อติดตามการพิจารณาปลดพระสมุห์อาทิตย์ อิสระปัญโญ อายุ 45 ปี เจ้าอาวาสวัดบ้านทุ่งเคล็ดหรือวัดโบสถ์เหรียญบาทออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส ให้ย้ายออกจากวัดโบสถ์เหรียญบาท ให้แต่งตั้งกรรมการวัดชุดใหม่แทนชุดเดิม และให้ผู้รับเหมาก่อสร้างโบสถ์เหรียญบาทมีส่วนร่วมในการบริหารทรัพย์สินภายในวัดจนกว่าเจ้าอาวาสจะชำระหนี้ครบถ้วน ตามที่ผู้รับเหมารายหนึ่งชาว อ.หัวหินยื่นหนังสือร้องเรียนและข้อเสนอถึงเจ้าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ฝ่ายมหานิกาย
ความคืบหน้า วันที่ 2 มิถุนายน นายปรีดา สุขใจ นายอำเภอทับสะแก เปิดเผยว่า ในฐานะประธานการประชุมโดยมีตัวแทนจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เข้าร่วมที่สำนักงานเจ้าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ภายในวัดคลองวาฬ พระอารามหลวง มีข้อสรุปให้ตัวแทนวัดเจรจากับผู้รับเหมาเพื่อให้มีข้อยุติภายใน 7 วัน หากตกลงกันได้ให้ผู้รับเหมาไปถอนเรื่องร้องเรียน จากเดิมที่เสนอถึงเจ้าคณะจังหวัด เพื่อให้อำนาจในการพิจารณาของผู้ปกครองคณะสงฆ์มีข้อยุติ จากนั้นวัดต้องเจรจาเพื่อชดใช้หนี้ตามคำสั่งศาล ซึ่งทราบว่าลูกศิษย์บางส่วนมีความพร้อมที่จะช่วยเหลือ และหากไม่เพียงพอ ส่วนตัวพร้อมจัดกิจกรรมระดมทุนในอำเภอเพื่อช่วยเหลือวัด หลังจากที่ผ่านมาเมื่อปี 2559 วัดในฐานะนิติบุคคลถูกผู้รับเหมาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องแพ่งเป็นจำเลยที่ 1 เจ้าอาวาสเป็นจำเลยที่ 2 ต่อมามีคำสั่งศาลถึงที่สุดวัดแพ้คดี ต้องชดใช้ค่าก่อสร้างโบสถ์เหรียญบาท 4.6 ล้านบาท ไม่รวมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีตามที่ทนายโจทก์ยื่นฟ้อง
นายอัครนันท์ สืบสกุลอนันต์ ชาว กทม.ในฐานะ โยมอุปัฏฐากวัดโบสถ์เหรียญบาท กล่าวว่า ในการประชุมเพื่อพิจารณาการร้องเรียนของผู้รับเหมา หน่วยงานภาครัฐยึดคำสั่งศาลเป็นหลัก ขณะที่เจ้าอาวาสขอยืดระยะเวลาเจรจา 15 วัน แต่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอ้างคำสั่งศาล ระบุว่าหากการเจรจาภายใน 7 วัน ไม่มีข้อยุติคณะสงฆ์จะมีคำสั่งปลดพระสมุห์อาทิตย์ออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดทันที โดยมีการแต่งตั้งเจ้าอาวาสจากวัดอื่นมาทำหน้าที่เพื่อใช้หนี้ หลังจากก่อนหน้านี้เจ้าคณะจังหวัด มีคำสั่งให้พระสมุห์อาทิตย์พ้นจากตำแหน่งเจ้าคณะตำบลนาหูกวาง เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2563 ซึ่งยอมรับว่าคดีทางแพ่งวัดเสียเปรียบในทางคดีจากการลงนามในสัญญาก่อสร้างโบสถ์เหรียญบาท 9.6 ล้านบาท
“นอกจากนั้นพบว่าในการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้นทนายความที่รับมอบอำนาจนำหลักฐานไปแก้ต่างไม่ตรงประเด็น ต่อมามีการว่าจ้างทนายความคนใหม่เข้ามาดำเนินการโดยยืนหลักฐานเพิ่ม แต่ศาลไม่รับอุทธรณ์คดีในชั้นฎีกา ยืนยันว่าศาลตัดสินคดีถูกต้อง แต่ผู้รับมอบอำนาจของวัดแก้ต่างผิดพลาด ขณะที่หลังการประชุมโดยให้เจรจาภายใน 7 วัน พระสมุห์อาทิตย์ได้แสดงท่าทีถอดใจจะยอมออกจากวัด เพื่อยุติปัญหาทั้งหมด เนื่องจากไม่ต้องให้ญาติโยมแบกภาระเรื่องหนี้สิน แต่ชาวบ้านในพื้นที่ไม่ยินยอม โดยคณะลูกศิษย์จะช่วยกันระดมทุนเพื่อปลดหนี้ให้วัด 4.6 ล้านบาทรวมดอกเบี้ย ส่วนข้อเสนอของผู้รับเหมาที่ยื่นเสนอถึงเจ้าคณะจังหวัดให้ลงนาม เพื่อต้องการแต่งตั้งกรรมการวัดชุดใหม่แทนชุดเดิม ต้องการบริหารทรัพย์สินภายในวัด ใครๆก็มองออกว่ามีวัตถุประสงค์อะไรแอบแฝงหรือไม่ “ นายอัครนันท์ กล่าว
พ.ต.อ.นพดล ธุวังควัฒน์ ผกก.ทับสะแก กล่าวว่า จากการตรวจสอบทางคดี หลังมีการฟ้องร้องต่อเนื่องนานหลายปี ยืนยันว่าเจ้าอาวาสไม่ได้มีเจตนาทุจริตหรือฉ้อโกง แต่มีปัญหาในข้อกฎหมายจากการทำสัญญาที่เสียเปรียบโดยไม่ได้ปรึกษาผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ ดังนั้นตนจึงสนับสนุนแนวทางในการระดมทุนจากชาวบ้านช่วยปลดหนี้ให้วัดเพื่อกอบกู้วัดแห่งนี้ จากนั้นจะต้องมีการพิจารณาการบริหารจัดการภายในทั้งกรรมการวัดและผู้เกี่ยวข้องกับจัดการทรัพย์สินควรมีความรอบคอบในการทำสัญญาทางกฎหมาย
สำหรับวัดโบสถ์เหรียญบาทที่ผ่านมา เป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังได้รับความนิยมด้านการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เนื่องจากภายในและภายนอกอุโบสถมีการใช้เหรียญบาทประดับฝาผนังโบสถ์ กว่า 3 ล้านเหรียญเป็นวัดแรกในประเทศไทย
พิสิษฐ์ รื่นเกษม ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์