ชวนเกษตรกรหันปลูกข้าวไรซ์เบอรี่ ข้าวมากประโยชน์สร้างรายได้เพิ่ม ตลาดต้องการมาก
ข้าวไรซ์เบอรี่ (Riceberry) เป็นข้าวที่เกิดขึ้นใหม่ จากการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างข้าวเจ้าหอมนิล และข้าวขาวดอกมะลิ 105 มีลักษณะเป็นข้าวเจ้าสีม่วงเข้ม ซึ่งสีม่วงเข้มที่พบในข้าวไรซ์เบอรี่ (Riceberry) เกิดขึ้นตามธรรมชาติมีส่วนประกอบเป็นสารแอนโทไซยานิน ซึ่งก็คือรงค์วัตถุหรือสารสี ที่สามารถละลายน้ำได้ดี และจัดอยู่ในกลุ่มของฟลาโวนอยด์หรือสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ข้าวไรซ์เบอรี่ (Riceberry) ยังมีเมล็ดเรียวยาว ผิวมันวาว มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ แถมยังมีรสชาติหวาน กลมกล่อมชวนรับประทาน สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี โดยมีอายุเก็บเกี่ยวประมาณ 130 วัน นอกจากนี้รำข้าวและน้ำมันรำข้าวจากข้าวไรซ์เบอรี่ (Riceberry) ยังมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่ดี ซึ่งทางการแพทย์นิยมนำไปใช้ทำผลิตภัณฑ์อาหารโภชนาบำบัด
นายร่มไม้ นวลตา เกษตรจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ข้าวไรซ์เบอรี่ (Riceberry) เป็นข้าวที่ในปัจจุบันผู้บริโภคที่รักสุขภาพหันมาให้ความสนใจเพราะนอกจากจะนุ่ม หอม อร่อย แล้วยังมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์อยู่มากมาย เช่น โอเมก้า 3 ที่สำคัญต่อโครงสร้างและการทำงานของสมอง ตับและระบบประสาท ทั้งยังลดระดับคอเลสเตอรอล ธาตุสังกะสี สังเคราะห์โปรตีน สร้างคอลลาเจน รักษาสิว ป้องกันผมร่วง วิตามินบี จำเป็นต่อการทำงานของสมอง ระบบประสาท ระบบย่อยอาหาร ป้องกันโรคเหน็บชา และเบต้าแคโรทีน ชะลอความแก่ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง บำรุงสายตา จะเห็นว่าความต้องการของผู้บริโภคและตลาดมีความต้องการข้าวไรซ์เบอรี่มาก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงขอเชิญชวนเกษตรกรที่สวนใจและมีใจรักในการปลูกข้าวไรซ์เบอรี่ที่ปลอดภัย หันมาปลูกข้าวไรซ์เบอร์เพื่อจำหน่าย อาจจะไม่ต้องใช้พื้นที่มากแต่ให้ปลุกอย่างเอาใจใส่และคำนึงถึงคุณภาพของผลผลิตเป็นหลัก ก็จะทำให้เกษตรได้รับผลตอบแทนที่ดีตามไปด้วย
นางนิ่มอนงค์ แก้วไพศาล เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านห้วยไห ได้ดำเนินกิจกรรมการปลูกข้าวไรซ์เบอรี่ที่มีคุณภาพ และปลอดภัย ทำให้เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคและพ่อค้า ทางกลุ่มได้ทำข้อตกลงการรับซื้อผลผลิตข้าวและส่งผลผลิตข้าวกล้องให้กับพ่อค้า โดยมีปริมาณที่ส่งมากกว่ารอบละ 3 ตัน แม้ผลผลิตที่ได้จะมีปริมาณที่มากแต่ก็ไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด ทำให้จะต้องเพิ่มพื้นที่การปลูกและเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้นตามไปด้วย ในตอนนี้ทางกลุ่มต้องการเชิญชวนเกษตรกรที่มีความสนใจในการปลูกข้าวไรซ์เบอรี่ เพื่อส่งผลผลิตให้กับกลุ่มแปรรูปส่งต่อไปยังตลาดที่มีความต้องการ โดยเกษตรกรที่สนใจจะเข้าร่วมจะมีการส่งเสริมและรับซื้อข้าวไรซ์เบอรี่ในราคาประกัน ซึ่งข้าวสดจะประกันราคาที่ หมื่นละ 170 บาท และข้าวแห้งประกันราคาที่ หมื่นละ 220 บาท
ส่วนในการผลิตเกษตรกรที่เข้าร่วมจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนการผลิตที่ทางกลุ่มได้กำหนดไว้ เช่น การไม่ใส่ปุ๋ยเคมี ไม่ฉีดยาฆ่าหญ้า ใช้ใช้ยาฆ่าหอย และต้องตัดพันธุ์ปน ซึ่งจะทำให้ผลผลิตมีคุณภาพ อีกทั้งเกษตรกรยังมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำ ปลอดภัยต่อสุขภาพอีกด้วย จึงอยากขอเชิญชวนเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดนครพนม สกลนคร มุกดาหาร และบึงกาฬ ซึ่งจะใช้พื้นที่ไม่มากประมาณ 3- 4 ไร่ เป็นการทำการเกษตรในพื้นที่น้อยแต่ให้ได้ผลผลิตที่คุ้มค่าหากสนใจต้องการปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่
สามารถโทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ 081-4820809 ตลอดกระบวนการผลิตทางกลุ่มจะลงไปให้คำแนะนำและการดูแลรักษา รวมทั้งเทคนิคในการผลิตข้าวที่ได้ตรงตามคุณภาพที่ตลาดต้องการ
ภาพ/ข่าวโด่ง กษจ. เทพพนม รายงาน