ผลสำรวจชี้หลายภาคส่วนปลื้ม มาตรการงดขายเหล้าตัดวงจรโควิด -19 ชงผ่อนปรนมาตรการแต่ยังเข้มการปฏิบัติตามกฎหมาย
เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2563 ดร.ชญานิน กฤติยะโชติ หัวหน้าทีมวิจัยโครงการสำรวจการปฏิบัติตามมาตรการในการป้องกันและควบคุมการแพร’ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19): กรณีการสั่งงดจำหน’ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เปิดเผยว่า ทีมวิจัย ร่วมกับ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคอีสานตอนล่าง สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.)และ ส.ส.ส. ได้ดำเนินการสำรวจตามโครงการสำรวจการปฏิบัติตามมาตรการในการป้องกันและควบคุมการแพร’ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กรณีการสั่งงดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยสำรวจตัวแทนกลุ่มเป้าหมายจำนวน 11 กลุ่ม ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และปัญหาสาธารณสุขในสังกัด กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสรรพสามิต บุคลากรทางการแพทย์ ประชาคมงดเหล้าระดับจังหวัดแกนนำเยาวชนขับเคลื่อนงานงดเหล้าระดับจังหวัด อาจารย์มหาวิทยาลัย องค์กรศาสนา และคณะอนุกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับจังหวัด ใน 9 จังหวัด จากพื้นที่ปฏิบัติงานของสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคอีสานตอนล่าง เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์ระหว่างวันที่ 20 – 25 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา จำนวน 102 ชุด พบผลที่น่าพอใจ เมื่อกลุ่มเป้าหมายเกือบทั้งหมด ประเมินการปฏิบัติการตามมาตรการในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา โควิด-19 กรณีการสั่งงดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่ในระดับสูงถึงร้อยละ 86 ทำให้การหยุดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นส่วนใหญ่ จำนวนอุบัติเหตุจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลดลง ประชาชนรับรู้และให้ความร่วมมือปฏิบัติตาม มาตรการเป็นอย่างดี มีการรักษาระยะห่างทางกายภาพเพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 แต่จากการสำรวจพบว่าผู้ติดสุราหรือเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์มีภาวะเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยจากการขาดแอลกอฮอล์หรืออาการลงแดงมาก ขึ้น
ดร.ชญานิน กฤติยะโชติ กล่าวต่อไปว่า จากผลการสำรวจนี้พบว่า กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 87 เห็นควรให้ภาครัฐมีการผ่อนปรนมาตรการหรือคำสั่งโดยมีการจัดการที่เป็นระบบ ซึ่งยังคงควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัสโควิด-19 ด้วยการรักษาระยะห่างทางกายภาพ(Physical distancing) การควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายใต้กฎหมายที่กำหนดอย่างเข้มข้นต่อไป ควรให้มีการคัดกรองผู้ติดสุราเรื้อรัง เพื่อนำเข้าสู่การช่วยเหลือและบำบัดทั้งในมิติของชุมชนและมิติของภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรม ควรจัดให้มีการส่งเสริมทักษะอาชีพและ พัฒนาศักยภาพของผู้ติดสุรา เพื่อป้องกันการกลับมาดื่มซ้ำอีก รวมถึงการส่งเสริมทักษะอาชีพแก่ผู้เปราะบางทางสังคมอีกด้วย
ด้าน นายบำรุง เป็นสุข ผู้ประสานงานสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคอีสานตอนล่าง กล่าวว่า ตามที่ลงพื้นที่ในชุมชนที่ผ่านมา พบว่าชุมชนยอมรับและให้ความร่วมมือตามมาตรการเป็นอย่างดี โดยหากพ้นกำหนดระยะเวลาบังคับใช้ตามมาตรการ คือวันที่ 30 เมษายน 2563 แล้ว ตนและเครือข่าย ยินดีสนับสนุนให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกแห่งมีการผ่อนปรนมาตรการเพื่อฟื้นฟูสภาวะเศรษฐกิจและคลายภาวะตึงเครียดของประชาชนทั่วไป แต่ยังคงยึดแนวทางการป้องกันและควบคุมการแพร่เชื้อโรคโควิด-19 ด้วยรักษาระยะห่างทางสังคม การสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ หรือแนวทางที่ ศคบ. แนะนำอย่างเคร่งครัด และสนับสนุนให้มีการบังคับใช้กฎหมายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเข้มข้นอีกต่อไป ทั้งนี้ เครือข่ายงดเหล้าทั้ง 9 จังหวัดในภาคอีสานตอนล่าง มีความพร้อมในการสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจร่วมกับภาครัฐในการจัดระบบ การคัดกรองและเฝ้าระวังรวมถึงการช่วยเหลือบำบัดผู้ติดสุราเรื้อรัง เพื่อลดปัญหาทางสังคมและเสริมสร้างศักยภาพของผู้ดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างมีส่วนร่วมต่อไป
ข่าว/ภาพ บุญทัน ธุศรีวรรณ