รมว. เกษตรฯ เชิญชวนให้เกษตรกรมาขึ้นและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรต่อกรมส่งเสริมการเกษตรในฤดูกาลเพาะปลูกปี 2563 เพื่อรับความช่วยเหลือและสิทธิประโยชน์ตามโครงการต่างๆ ของรัฐ รวมทั้งการเยียวยาผลกระทบจากโรคโควิด-19

รมว. เกษตรฯ เชิญชวนให้เกษตรกรมาขึ้นและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรต่อกรมส่งเสริมการเกษตรในฤดูกาลเพาะปลูกปี 2563

เพื่อรับความช่วยเหลือและสิทธิประโยชน์ตามโครงการต่างๆ ของรัฐ รวมทั้งการเยียวยาผลกระทบจากโรคโควิด-19

 

 

 

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กล่าวว่า ขณะนี้ใกล้เข้าสู่ฤดูกาลผลิต 2563 กรมส่งเสริมการเกษตรรายงานว่า ทะเบียนเกษตรกรซึ่งมีรายชื่อและพื้นที่เพาะปลูกในระบบทั้งประเทศมี 7,522,003 ครัวเรือน ขณะนี้มีผู้มาปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรแล้ว 6,196,346 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรประมาณ 130 ล้านไร่ คิดเป็นสมาชิกครัวเรือนรวม 16,332,997 คน ทั้งนี้การขึ้นและปรับปรุงทะเบียนมีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากเกษตรกรจะได้รับการสนับสนุนด้านต่างๆ ความช่วยเหลือ และสิทธิประโยชน์ตามโครงการที่หน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรฯ จัดทำ

ล่าสุดสั่งการให้ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ประสานกับปลัดกระทรวงการคลังปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรให้ครอบคลุมทุกรายเพื่อให้เกษตรกรที่เผชิญผลกระทบจากโควิด-19 ได้รับความช่วยเหลือจากมาตรการของรัฐบาลมากที่สุด ที่เป็นห่วงคือ เกษตรกรที่ยังไม่เคยขึ้นทะเบียนจึงไม่มีชื่ออยู่ในระบบและไม่เคยเข้าร่วมโครงการของรัฐซึ่งจะไม่มีชื่ออยู่ในฐานข้อมูลของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และกระทรวงการคลัง จึงเชิญชวนให้เกษตรกรทั้งกลุ่มเพาะปลูก ปศุสัตว์ ประมง และนาเกลือที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเพื่อยืนยันสถานภาพในการรับความช่วยเหลือต่างๆ รวมถึงโครงการประกันรายได้เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป สำหรับเกษตรกรที่ปรับปรุงทะเบียนแล้ว หากรัฐกำหนดมาตรการช่วยเหลือที่ชัดเจนแล้ว หากเยียวยาเป็นเงินจะโอนผ่านบัญชีธ.ก.ส. ได้ทันที

นายเข้มแข็ง ยุติธรรม อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ตามระเบียบคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ว่าด้วยการขึ้นทะเบียนเกษตรกร พ.ศ.2560 กำหนดว่าสถานภาพของเกษตรกรสิ้นสุดลง เมื่อไม่มีการปรับปรุงสถานภาพติดต่อกันเป็นเวลา 3 ปี ตามที่นายทะเบียนประกาศให้ปรับปรุงข้อมูลเกษตรกร (ปี 2561 นายทะเบียนประกาศให้ปรับปรุงข้อมูล ในวันที่ 23 มิถุนายน 2560) จึงขอเชิญชวนให้เกษตรกรมาปรับปรุงข้อมูลเกษตรกรโดยด่วน ขณะนี้ยังมีเกษตรกรที่ไม่ได้มาปรับปรุงข้อมูลในทะเบียนประมาณ 1 ล้านครัวเรือน

อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรกล่าวต่อว่า ผู้ที่มาขึ้นหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรต้องทำการเกษตรตามหลักเกณฑ์ของคู่มือการขึ้นทะเบียนเท่านั้นและกรอกข้อมูลครบ ตามแบบ ทบก.01 ทั้งนี้หากแจ้งข้อมูลเท็จจะมีความผิดตามกฎหมายอาญ ตามมาตรา 137 และ มาตรา 267 อีกด้วย ปัจจุบันมีการใช้ข้อมูลทะเบียนเกษตรกรในโครงการต่างๆ ของภาครัฐ เช่น โครงการประกันรายได้ และการได้รับเงินช่วยเหลือกรณีภัยพิบัติด้านการเกษตร ตามเงื่อนไขของแต่ละโครงการและตามหน่วยงานที่เสนอโครงการนั้นๆ เกษตรกรสามารถตรวจสอบความเป็นเกษตรกรผ่าน www.doae.go.th กรมส่งเสริมการเกษตร สำหรับเกษตรกรรายเดิม-แปลงเดิม สามารถใช้แอพพลิเคชั่น FARMBOOK เพื่อปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรได้ตามรอบการผลิต สำหรับเกษตรกรรายใหม่หรือ แปลงใหม่ในการเพาะปลูก ให้สอบถามทางโทรศัพท์ไปยังสำนักงานเกษตรหรือผู้นำชุมชนถึงแนวทางปฏิบัติเพื่อลดความเสี่ยงช่วงการระบาดของโรคโควิด-19

“เพื่อป้องกันผู้นำข้อมูลเกษตรกรไปใช้เพื่อประโยชน์อย่างอื่นควรตรวจสอบผ่านหลายหน่วยงาน เช่น กรมประมง กรมปศุสัตว์ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย การยางแห่งประเทศไทย เป็นต้น ย้ำว่า การขึ้นและปรับปรุงทะเบียนด้านพืชของกรมส่งเสริมการเกษตรครั้งนี้เป็นไปตามรอบการผลิตในฤดูกาลเพาะปลูกใหม่ ส่วนการรับความช่วยเหลืออื่นๆ ให้ติดตามมาตรการของรัฐบาลเท่านั้น” อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรกล่าว