“รมช.ประภัตร” ​ลงพื้นที่สุพรรณ​ แจกของและหน้ากากอนามัยช่วยเหลือประชาชน​ พร้อมกำชับกรมปศุสัตว์เร่งแจกพันธุ์ไก่/​ เป็ด เป็นแหล่งอาหารบรรเทาความเดือดร้อนช่วงโควิด-19 ระบาด

“รมช.ประภัตร” ​ลงพื้นที่สุพรรณ​ แจกของและหน้ากากอนามัยช่วยเหลือประชาชน​

พร้อมกำชับกรมปศุสัตว์เร่งแจกพันธุ์ไก่/​ เป็ด เป็นแหล่งอาหารบรรเทาความเดือดร้อนช่วงโควิด-19 ระบาด

 

นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า วันนี้ตนได้ลงพื้นที่ตลาดสดเมืองทอง อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี ​ ในการลงพื้นที่ที่ครั้งนี้ตนได้นำไข่ไก่และน้ำมันพืช มาแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนที่มาจับจ่ายซื้ออาหาร เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบปัญหาไวรัสโควิด-19 หลังจากนี้ ตนจะเดินทางไปมอบหน้ากาก Face Shield หรือหน้ากากป้องกันละอองเชื้อที่ทีมงานจัดทำขึ้นให้แก่สำนักงานสาธารณสุข อำเภอดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี เพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ช่วยป้องกันการสัมผัสกับเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมทั้งให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน

 

นายประภัตร​ กล่าวด้วยว่า ​ ตนได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์เร่งมอบพันธุ์สัตว์ปีกและปัจจัยการผลิต ตามโครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ปีก เพื่อฟื้นฟูเกษตรกรที่ประสบปัญหาอุทกภัย​ และพื้นที่ภัยแล้งที่ผ่านมา เพื่อเป็นอาชีพเสริม ช่วยลดรายจ่าย และเป็นอาหารประเภทโปรตีนในครัวเรือน เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนเบื้องต้น ทั้งจากสถานการณ์ภัยแล้งและสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงนี้ด้วย ปัจจุบันกรมปศุสัตว์  ได้ส่งมอบพันธุ์สัตว์ปีก เป็นพันธุ์ไก่พื้นเมือง อายุ 1 เดือน รายละ 30 ตัว หรือพันธุ์ไก่ไข่ หรือพันธุ์เป็ดไข่ อายุ 16- 18 สัปดาห์ รายละ 10 ตัว พร้อมอาหารระยะแรกและปัจจัยการผลิตแล้ว กว่า 5,000 ครัวเรือน จากเป้าหมาย 77,765 ครัวเรือน ตามแนวทางฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรคที่เหมาะสมและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม (Good Farming Management : GFM) ซึ่งเมื่อเลี้ยงต่ออีก 2-3 สัปดาห์ก็จะให้ผลผลิตไข่ได้ โดยเกษตรกรสามารถนำมาบริโภคในครัวเรือนเป็นอาหารประเภทโปรตีน ช่วยลดค่าใช้จ่าย บรรเทาความเดือดร้อนได้

ทั้งนี้ การสนับสนุนพันธุ์สัตว์ปีกดังกล่าวนั้น เป็นการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในจังหวัด ที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งและอุทกภัยเมื่อปี 2562 รวม 17 จังหวัด โดยได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่าย รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ.2562 จำนวน 378,188,450 บาท ทั้งนี้ มีเป้าหมายที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2563 นี้