“รมช.ประภัตร”  เดินสายพบปะประชาชน พื้นที่ จ.สระแก้ว หนุนเลี้ยงปศุสตว์เดินหน้าผลักดันโครงการส่งเสริมอาชีพเลี้ยงสัตว์ สู้ภัยแล้ง

“รมช.ประภัตร”  เดินสายพบปะประชาชน พื้นที่ จ.สระแก้ว หนุนเลี้ยงปศุสตว์เดินหน้าผลักดันโครงการส่งเสริมอาชีพเลี้ยงสัตว์ สู้ภัยแล้ง

 

วันนี้ 15 ธ.ค. 62  นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางไปตรวจเยื่ยมศูนย์เรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก) ต.หนองสังข์ อ อรัญประทศ จ.สระแก้ว  จากนั้นตรวจเยี่ยมสหกรณ์โคบาลบูรพาวัฒนานคร หมู่ 7 ต.หนองน้ำใส อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว โดยมี นายวรพันธุ์ สุวัณณุสส์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว , นายอำพันธุ์ เวฬุตันติ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯ , นายสุรเดช สมิเปรม รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ พร้อมด้วยข้าราชการในสังกัดให้การต้อนรับ พร้อมกันนี้ได้พบปะสมาชิก และชมการขายลูกโคเพศผู้ที่เกิดขึ้นตามโครงการที่สามารถจำหน่ายได้แล้วของสหกรณ์โคบาลบูรพา ซึ่งจำหน่ายตามน้ำหนัก โดยเกษตรกรจำหน่ายได้ในช่วง 100-120 บาท/กก. โดยประมาณ ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ พร้อมกันนี้ รมช.เกษตรฯ เป็นตัวแทนของสหกรณ์เครือข่ายโคเนื้อที่เป็นผู้มารับซื้อ ตาม mou ที่ได้ทำร่วมกัน มอบเงินให้กับเกษตรกรตามโครงการที่นำลูกโคเพศผู้มาขาย นอกจากนี้ยังได้มอบถังสนามเก็บน้ำเชื้อแก่อาสาผสมเทียม ตลอดจนมอบลูกโคเพศเมียโคบาลบูรพา เพื่อเป็นการขยายผลโครงการฯ และมอบหญ้าแห้งเพื่อจัดตั้งคลังเสบียงสัตว์ให้แก่สหกรณ์โคบาลบูรพาทั้ง 3 แห่งอีกด้วย

ทั้งนี้รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณ เพื่อการพัฒนาด้านปศุสัตว์ให้แก่โครงการโคบาลบูรพา จำนวน 1,329.30 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาของเกษตรกรในพื้นที่ จ.สระแก้ว ที่ประสบปัญหาภัยแล้งเป็นประจำทุกปี โดยการปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกพืชไม่เหมาะสมหรือให้ผลผลิตต่ำมาเลี้ยงปศุสัตว์ ที่สามารถสร้างรายได้ สร้างความมั่นคง และเป็นอาชีพที่ยั่งยืน รวมถึงส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมโคเนื้ออย่างครบวงจรในพื้นที่ภาคตะวันออก เป็นการเพิ่มปริมาณโคเนื้อให้เพียงพอต่อการบริโภคในภาคตะวันออก ซึ่งเป็นเขตปลอดโรคปากและเท้าเปื่อย ปัจจุบันโครงการโคบาลบูรพา มีเกษตรกรที่เลี้ยงโคเนื้อ 6,000 รายๆ ละ 5 แม่ รวมทั้งสิ้น 30,000 ตัว และแพะเนื้อ 100 รายๆ ละ 32 ตัว รวม 3,200 ตัว ซึ่งในอนาคตรัฐบาลมีเป้าหมายว่าโคเนื้อและแพะเนื้อจะเพิ่มปริมาณมากขึ้น สามารถส่งไปจำหน่ายยังภูมิภาคอื่นๆ ของประเทศไทย หรือส่งออกไปยังต่างประเทศได้

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้เกษตรกรยังเผชิญกับปัญหาภัยแล้งที่จะเกิดขึ้น นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงเกษตรกร จึงได้อนุมัติโครงการส่งเสริมอาชีพให้แก่เกษตรกร อาทิ โครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ และปลูกพืช ทุกโครงการจะต้องมีตลาดรองรับ และมีการรวมกลุ่มกัน โดย ธกส. สนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยล้านละ 100 บาทต่อปี รวมถึงกรมทรัพยากรน้ำบาดาลสนับสนุนบ่อบาดาลเพื่อการเกษตร อีกทั้งมีประกันความเสียหายให้ เป้าหมายเพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ในช่วงภัยแล้ง มีน้ำน้อย ภายในระยะเวลา 4 เดือน นอกจากนี้ในวันจันทร์ที่ 16 ธ.ค. 62 จะมีการจัดประชุมชี้แจงแนวทางการปฏิบัติงานโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์และกิจการที่เกี่ยวเนื่อง ระหว่าง กรมปศุสัตว์ และ ธ.ก.ส. ณ บึงฉวากรีสอร์ท อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ก่อนจะเริ่มคิกออฟโครงการดังกล่าวในวันอังคารที่ 17 ธ.ค. 62 ณ โดยขับเคลื่อนใน จ.ขอนแก่น เป็นแห่งแรกต่อไป

ทั้งนี้ ในด้านการผลิตโคเนื้อนั้น ปัจจุบันประเทศไทยมีการเลี้ยงโคเนื้อประมาณ 5.8 ล้านตัว ผลิตเพื่อการบริโภคได้ปีละ 1 ล้านตัว แต่มีความต้องการบริโภค ปีละ 1.2 ล้านตัว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าปริมาณโคเนื้อผลิตไม่เพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งถ้าจะให้เพียงพอต้องเพิ่มแม่โค อย่างน้อย 500,000 แม่ จึงเป็นโอกาสที่ดีที่เกษตรกรจะหันมาประกอบอาชีพการเลี้ยงโค ซึ่งจะจำหน่ายได้ราคาดี ขณะเดียวกันตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีนมีความต้องการโคเนื้อมีชีวิตเป็นจำนวนมาก หากไทยสามารถพัฒนายกระดับศักยภาพการเลี้ยงโคเนื้อได้สำเร็จ จะทำให้ฝันกลายเป็นจริงได้ สามารถแก้ปัญหาการผลิตภาคเกษตรทั้งระบบ สามารถพัฒนาศักยภาพการเลี้ยงโคเนื้อให้ตรงกับความต้องการของตลาด ส่งเสริมการสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงให้ครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ จึงจะทำให้เกษตรกรพ้นจากความยากจน และมีอาชีพมั่นคง ความเป็นอยู่ดีขึ้นได้อย่างยั่งยืนต่อไป

 

 

 

 

 

 

You May Have Missed!

1 Minute
ข่าวประชาสัมพันธ์
คณะกรรมการบริหารโรงเรียนปลูกปัญญา แต่งตั้ง “บิ๊กทิน” ผจก.ฟุตซอลทีมชาติไทย  เป็นประธานที่ปรึกษาโรงเรียน
1 Minute
ข่าวประชาสัมพันธ์
พิพิธภัณฑ์เกษตรฯ เตรียมจัดงานใหญ่ส่งท้ายปี งานมหกรรม ภูมิพลังแผ่นดิน
1 Minute
กิจกรรมเพื่อสังคม
ไม่สนคำ ว่าทำบุญเอาหน้า…เสี่ยเดย์ นักบุญเจ้าเดิมช่วยการศึกษาอีกกว่า 3 ล้าน
0 Minutes
โรงพยาบาล
โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร จัดงานวันสถาปนาครบรอบ 53 ปี ชูแนวคิด ทุ่มเทอย่างชาญฉลาด เพื่อสร้างประสบการณ์สุขภาพที่เหนือชั้น เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี เพิ่มการยอมรับและมั่นใจกับผู้มารับบริการ