“เฉลิมชัย” ยันมุ่งแก้ปัญหาเกษตรกร ไม่หักหลังและขัดแย้งพรรคร่วม
รมว. เฉลิมชัยยืนยัน ไม่ได้ลงนามในหนังสือใดๆ ส่งคณะกรรมการวัตถุอันตราย ชี้ทำงานเพื่อแก้ปัญหาเกษตรกรไม่ว่ามติจะออกมาอย่างไร โต้ไม่ได้หักหลังและขัดแย้งพรรคร่วมรัฐบาล
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวถึงข่าวที่ว่า ตนลงนามในเอกสารส่งถึงคณะกรรมการวัตถุอันตรายจนเป็นผลให้มติเปลี่ยนแปลงจากวันที่ 22 ตุลาคม โดยนายเฉลิมชัยยืนยันว่า ไม่ได้ลงนามในเอกสารใดๆ ทั้งสิ้น แม้กระทั่งหนังสือที่จะต้องนำเรียนนายกรัฐมนตรีซึ่งมอบหมายให้รับฟังความเดือดร้อนของเกษตรกรก็ยังไม่ได้ลงนามเนื่องจากก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีไปราชการที่เกาหลี สำหรับการลงความเห็นของกรรมการวัตถุอันตรายที่เป็นผู้แทนกระทรวงเกษตรฯ 4 คนนั้น ตนไม่ได้ชี้แนะเรื่องใดๆ ให้เป็นดุลพินิจของแต่ละคน โดยพิจารณาจากข้อมูลของที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย
นายเฉลิมชัยกล่าวต่อว่า ที่มีการกล่าวหาว่า ใช้กลยุทธ์หักหลังพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ยืนยันไม่ได้หักหลังใคร โดยเฉพาะกับพรรคภูมิใจไทย ตนสนิทสนมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมดี นัดรับประทานอาหารด้วยกันบ่อยและหลังจากนี้จะนัดกันอีก ส่วนที่น.ส. มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ระบุว่า ตนลงนามในหนังสือ อีกทั้งกรมวิชาการเกษตรเสนอข้อมูลเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รายงานน.ส. มนัญญาซึ่งกำกับดูแลกรมวิชาการเกษตรนั้น นายเฉลิมชัยกล่าวว่า คงไม่ต้องทำความเข้าใจอะไรกันเพราะเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว การเป็นรัฐมนตรีนั้นต้องทำงานเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน ตนไม่ได้ติดใจเรื่องอะไร
สำหรับมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่ให้ชะลอการยกเลิกใช้พาราควอตซึ่งเป็นสารป้องกันกำจัดวัชพืชและคลอร์ไพริฟอสซึ่งเป็นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชออกไป 6 เดือนนั้น สำหรับสารชีวภัณฑ์ที่ใช้กำจัดศัตรูพืชนั้น กรมวิชาการเกษตรรายงานว่า มีขึ้นทะเบียนแล้ว 73 ชนิด แต่สารชีวภัณฑ์กำจัดวัชพืชยังไม่มีจึงมอบหมายกรมส่งเสริมสหกรณ์ให้จัดทำโครงการนำร่องในสหกรณ์การเกษตรที่ปลูกพืชเศรษฐกิจ 6 ชนิดได้แก่ อ้อย มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ข้าวโพด และไม้ผล โดยจะสนับสนุนเครื่องจักรกลการเกษตรเพื่อใช้แทนสารเคมีและแรงงานซึ่งในวันที่ 10 ธันวาคมนี้จะได้ข้อสรุปว่า สนับสนุนอะไรบ้างและใช้งบประมาณเท่าไร ส่วนไกลโฟเซตซึ่งเป็นสารป้องกันกำจัดวัชพืชที่มีมติให้จำกัดการใช้นั้น จะดำเนินการตามมาตรการที่วางไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ที่กำหนดให้ใช้ในพืชเศรษฐกิจ 6 ชนิดดังกล่าวเท่านั้น ห้ามใช้ในพื้นที่ต้นน้ำ ควบคุมปริมาณการจำหน่าย อีกทั้งเกษตรกร ผู้รับจ้างฉีดพ่น และผู้จำหน่ายต้องได้รับการอบรมเพื่อให้ใช้อย่างถูกต้องและปลอดภัยสูงสุด
“คณะทำงานซึ่งมีปลัดกระทรวงเกษตรฯ เป็นประธานมุ่งมั่นหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรที่จะได้รับผลกระทบทุกด้าน ยืนยันว่า กระทรวงเกษตรฯ ห่วงใยสุขภาพของผู้บริโภคด้วย ดังนั้นจึงจะปรับแนวทางการทำเกษตรกรรม โดยส่งเสริมการทำเกษตรปลอดภัยและเกษตรยั่งยืน” นายเฉลิมชัยกล่าว
ทางด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานคณะกรรมการวัตถุอันตรายกล่าวถึงเรื่องที่รศ. จิราพร ลิ้มปานานนท์ นายกสภาเภสัชกรรม กรรมการวัตถุอันตรายผู้ทรงคุณวุฒิโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ขอลาออกจากกรรมการวัตถุอันตรายผู้และขอแย้งการแถลงข่าวของประธานคณะกรรมการวัตถุอันตรายเนื่องจากไม่ได้มีการลงมติอย่างชัดเจนว่า ผู้ใดเห็นด้วยหรือไม่ในแต่ละประเด็น แต่เป็นภาวะจำยอมในการรับมติ จึงไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็น มติเอกฉันท์ เพราะหากพิจารณาในการอภิปรายจะพบว่า ดิฉันยืนยันชัดเจนมาโดยตลอดในการแบนสารทั้งสาม และยืนยันให้คงมติวันที่ 22 ต.ค. และขอแย้งการแถลงข่าวที่ว่า ไกลโฟเซตไม่เป็นอันตราย เพราะกรรมการรวมทั้งดิฉันได้อภิปรายถึงผลเสียต่อสุขภาพและไม่สามารถจะจัดการความเสี่ยงต่อผู้บริโภค จนพบปนเปื้อนทั้งในสิ่งแวดล้อม ผัก ผลไม้ และน้ำนมแม่”
นายสุริยะกล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายเมื่อวานนี้ (27 พ.ย. 62) กรรมการทุกคนร่วมกันพิจารณาอย่างรอบคอบและรอบด้าน โดยพิจารณาข้อมูลจากตัวแทนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาเสนอในที่ประชุม เปิดให้นำเสนอข้อมูลอย่างเต็มที่โดยไม่ปิดกั้น รับฟังและหารือร่วมกันจนถึงขั้นการเสนอมติฯ รจากข้อมูล ข้อเท็จจริง และสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบด้าน จากนั้นกรรมการทุกคนช่วยร่วมกันร่างมติและเลขานุการฯ เป็นคนพิมพ์มติในห้องประชุม โดยที่ทุกคนสามารถแสดงความเห็นจนได้มติที่คณะกรรมการเห็นว่า เหมาะสมที่สุดสำหรับสถานการณ์ในขณะนี้และไม่มีใครคัดค้านเลย โดยเฉพาะรศ. จิราพรนั้น ร่วมแสดงความคิดเห็นและพูดคุยกับฝ่ายเลขานุการร่างมติอยู่ตลอด จึงไม่เข้าใจว่า ทำไมจึงออกมากล่าวว่า ไม่เห็นด้วย หลังจากประชุมเสร็จสิ้นแล้ว
“ผมเองยังแปลกใจเลยว่า หลังจากผมให้ที่ประชุมช่วยกันเสนอมติฯ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย คุณจิราพรเองยังเป็นคนเดินไปให้ฝ่ายเลขาฯ แก้ไขข้อมูล และผมได้ถามย้ำหลายครั้งแล้วว่า มีใครคัดค้านไหม ในห้องไม่มีใครคัดค้าน มีเพียงกรรมการ 3 ท่านที่ขอตั้งข้อสังเกตว่า อยากให้ขยายเวลาการแบนออกไปเพื่อให้กรมวิชาการเกษตรฯ นำข้อมูลเรื่อง มาตราการรองรับให้รอบด้านและครบถ้วนกว่านี้ แต่เมื่อออกนอกห้องประชุมทำไมจึงเกิดกรณีแบบนี้ขึ้น” นายสุริยะกล่าว