ม็อบเกษตรกร ชุดดำ ยื่นหนังสือรมว.เกษตรฯเรียกร้องกลับมาใข้มาตรการจำกัดการใช้สาร จี้ มนัญญา ลาออก รับผิดชอบผลกระทบสร้างความเดือดร้อนให้เกษตรกร ทุกหย่อมหญ้า
พร้อมขีดเส้นบ่าย 3 วันนี้ให้กระทรวงสาธารณสุข มอบหลักฐานผลตรวจสารตกค้างสารเคมี 3 ชนิด ที่กระทรวงอุตสาหกรรม หากไม่นำมาให้ถือว่าผลตรวจเป็นเท็จ
เมื่อวันที่ 26 พ.ย.62 ที่หน้ากระทรวงเกษตรฯ น.ส.อัญชุลี ลักษณ์อำนวยพร ประธานเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง ตัวแทนเกษตรกร นำเกษตรกรกว่าพันคน อ่านแถลงการณ์ และยื่นหนังสือคัดค้านแบน3สาร และเรียกร้องให้น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯ ลาออกจากตำแหน่ง โดยมายื่นข้อเรียกร้องต่อ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ ซึ่งส่งนายธนา ชีรวินิจ เลขานุการ รมว.เกษตรฯ มารับแทน ต่อจากนั้นม็อบเกษตรกรชุดดำ ได้ขึ้นรถบัสเดินทางไปยังกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อยื่นหนังสือให้นำมาตรกำจัดการใช้สาร 3ชนิด กลับมาบังคับใช้ใหม่ ต่อนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย พร้อมกับจะปักหลักอยู่กรุงเทพฯ รอฟังมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่จะมีการประชุมวันที่27พ.ย.นี้ด้วย เพื่อให้พลิกมติแบน 3สาร
ในแถลงการณ์ ระบุว่าจากการรับฟังความคิดเห็นของกรมวิชาการเกษตร โดยมีผู้แสดงความคิดเห็น 47, 789 คนมีคนคัดค้าน 75% เห็นด้วย 25% กลุ่มเกษตรกรมีความคิดเห็นโดยสรุปว่า เกษตรกรยังคงมีความจำเป็นต้องใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชทั้ง 3 ชนิด เนื่องจากเป็นปัจจัยในการผลิตของเกษตรกรและเหตุผลในการยกเลิกไม่เพียงพอ ชัดเจนและยังมีข้อโต้แย้งทางวิชาการที่ยังไม่ได้ข้อยุติ และที่สำคัญคือไม่มีสารทดแทนหรือวิธีการทางเลือกอื่นที่มีประสิทธิภาพและราคาเทียบเท่าได้กับสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชทั้ง 3 ชนิดอีกทั้งสารชีวภัณฑ์ เมื่อมีการตรวจสอบสารออกฤทธิ์ในขวดก็พบว่ามีสารเคมีพาราควอตและไกลโฟเซตเป็นส่วนผสมในสารชีวภัณฑ์นั้น ดังนั้นการยกเลิกการใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชทั้ง 3 ชนิดจึงสร้างความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรอย่างร้ายแรง อีกทั้งยังส่งผลต่ออุตสาหกรรม ที่ใช้วัตถุดิบทางการเกษตรอีกด้วยเช่นอาหารสัตว์ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
ตลอดระยะเวลา นับแต่การเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ของนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีเป้าหมายในการยกเลิกสารทั้ง 3 ชนิด โดยไม่มีการพิจารณาข้อมูลทางวิชาการข้อเท็จจริงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ประกอบและบิดเบือนบัญชานายกรัฐมนตรี โดยใช้อำนาจการเป็นรัฐมนตรีช่วยกระทรวงเกษตร กดขี่บังคับขู่เข็ญข้าราชการ สร้างความเดือดร้อนอย่างหนัก ให้กับเกษตรกรทุกหย่อมหญ้าไม่เคารพกฎหมาย ไม่ฟังเสียงร้องทุกข์ของเกษตรกรและภาคส่วนอื่นจึงเป็นเหตุผลในการร่วมชุมนุมในวันนี้โดยมีข้อเรียกร้องต่อประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคือ
- เกษตรกรขอใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญทวงสิทธิ์ผลการรับฟังความคิดเห็นว่าเสียงส่วนใหญ่คัดค้านการแบนสารเคมี
- แจ้งนายกรัฐมนตรีให้ทราบไปถึงคณะกรรมการวัตถุอันตรายว่าการแบนสารเคมีส่งผลกระทบถึงสนธิสัญญาและข้อผูกพันระหว่างประเทศอื่น
- ขอให้นางมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่เพื่อแสดงความรับผิดชอบ
- ขอเรียกร้องให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาปลัดสธ. เลขา อย. อธิบดีกรมอนามัย อธิบดีกรมการแพทย์ นำข้อมูลทางวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะใบรายงานการตรวจสอบที่ยืนยันว่า ตรวจพบการตกค้างของสารเคมี 3 ชนิด ในผลผลิตทางการเกษตรโดยเฉพาะจังหวัดราชบุรี พร้อมเซ็นชื่อรับรอง และขอรับเอกสารหลักฐานดังกล่าว 15.00 น. วันนี้ ที่กระทรวงอุตสาหกรรม ถ้าไม่เอาเอกสารมามอบให้ หมายถึงว่าการ ผลการตรวจการตกค้างในผักและผลไม้เป็นเท็จ
- ข้อเรียกร้องให้กลุ่มนักวิชาการ ที่ออกมาต่อต้านสารเคมีแสดงความรับผิดชอบและยืนยันว่างานวิชาการที่ตนวิจัยนั้นมีความถูกต้อง
กลุ่มเกษตรกร จึงขอคัดค้าน มติคณะกรรมการวัตถุอันตราย แต่สนับสนุนมาตรการจำกัดการใช้ตามประกาศกระทรวงเกษตร 5 ฉบับ ที่มีผลบังคับใช้ให้มีการอบรม ผู้ฉีดพ่น และผู้ขาย ซึ่งการสอบผ่านแล้ว 5 แสนราย อีกทั้งเป็นการยกระดับเกษตรกรไทยในการเกษตรที่ดี GAP คือทำเกษตรอย่างปลอดภัยใช้สารเคมีอย่างถูกต้อง
เกษตรกรขอความเป็นธรรมและขอความเมตตาจากนายกรัฐมนตรี เห็นถึงความจำเป็นในการใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิด เพราะเป็นปัจจัยผลผลิตของเกษตรกร
ขณะนี้เกษตรกรทุกคนประสบปัญหาความทุกข์ยากเดือดร้อน อีกทั้งมีวิกฤติที่จะเป็นห่วงโซ่อาหารทั้งระบบ โดยขอให้เกษตรกรได้มีโอกาสใช้ 3 สารดังกล่าว ตามกรอบมาตรการจำกัดการใช้ต่อไป และขอเรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบการกระทำที่นำข้อมูลของ NGO มาใช้โดยไม่มีการตรวจสอบและทบทวนย้อนกลับส่งผลเสียหายต่อเกษตรกรและระบบราชการ