คณะทำงานกรมป่าไม้และส.ป.ก. ลงพื้นที่ลุยสอบการครอบครองที่ดินของ “ปารีณา” วันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย. นี้
ลั่นแจ้ง “ปารีณา” แล้ว แต่ยังไม่ทราบว่า จะมานำชี้แนวเขตหรือไม่
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า คณะทำงานของกรมป่าไม้ประสานกับคณะทำงานสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เพื่อเข้าตรวจสอบที่ดินฟาร์มไก่ของ น.ส. ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส. ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่หมู่ 6 ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรีในวันที่ 24 พฤศจิกายน โดยส.ป.ก. ทำหนังสือแจ้งน.ส. ปารีณาซึ่งเป็นผู้ครอบครองที่ดินนำชี้แนวเขต แต่ยังไม่ได้รับคำตอบว่า จะมาหรือไม่ซึ่งรัฐไม่มีอำนาจบังคับ ในการรังวัดครั้งนี้จะทำอย่างละเอียดเพื่อให้ทราบว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่ในเขตส.ป.ก. จำนวนเท่าไรและอยู่ในเขตป่าไม้หรือไม่ เมื่อได้ข้อมูลครบถ้วนจึงจะกำหนดแนวทางการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
นายอรรถพลกล่าวต่อว่า นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สั่งการให้ประสานกับทุกหน่วยงานที่ดูแลที่ดินของรัฐทุกประเภท เพื่อเร่งปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4,000 (One Map) เพื่อสนองนโยบายนายกรัฐมนตรีที่ห่วงใยปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ที่ผ่านมาติดขัดเรื่องการทับซ้อนของแนวเขต ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้จัดทำ One Map ให้แล้วเสร็จ เพื่อที่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) จะดำเนินการนำที่ดินของรัฐที่ถูกครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย มาจัดสรรสิทธิ์ให้เกษตรกรและผู้ยากไร้ให้มีที่ดินทำกิน สำหรับกระทรวงที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ,กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ,กระทรวงมหาดไทย ,กระทรวงการคลัง และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เนื่องจากที่ดินของรัฐนั้นมีทั้งที่ป่าไม้ อุทยานแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติทางทะเล ที่ดินเอกสารสิทธิ์ของกรมที่ดิน ที่ราชพัสดุ ที่นิคมสร้างตนเอง ขณะนี้แต่ละหน่วยงานมีเพียงข้อมูลของตัวเองเท่านั้นจึงต้องปรับแนวเขตให้ถูกต้องและตรงกัน
นายอรรถพลกล่าวต่อว่า ตามมติ ครม. วันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 กำหนดให้ผู้ยากไร้และผู้ที่เข้าทำกินก่อนปี 2557 ได้รับการพิจารณาจัดสรรสิทธิ์ตามคทช. แต่หากบุกรุกหลังปี 2557 ต้องถูกดำเนินคดี รัฐไม่ได้มุ่งที่จะเอาผิดหรือขับไล่กลุ่มดังกล่าวในพื้นที่ทั่วประเทศ แต่ต้องให้มาอยู่ในการจัดระเบียบของรัฐเพราะที่ดินเป็นของรัฐ แต่รับรองสิทธิ์ให้อยู่และทำกินอย่างถูกต้อง ทั้งในเขตป่าสงวนแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หรือที่สาธารณะอื่นๆ ซึ่งจะต้องแก้ไขปัญหา ให้สอดคล้องกับสถานภาพและสถานการณ์ปัจจุบันอีกทั้งทั้งนี้พื้นที่ที่ประชาชนเข้าไปทำกินอยู่นานแล้วหรือทำกินอยู่เดิมนั้นไม่มีประโยชน์ที่จะเปลี่ยนแปลงให้กลับมาเป็นสภาพป่า การแก้ปัญหาต้องสอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน
“การปรับปรุง One Map จะกำหนดหลักเกณฑ์ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติมากที่สุดและกระทบประชาชนน้อยที่สุด เมื่อแล้วเสร็จจะเสนอคทช. เพื่อพิจารณาเรื่องการจัดสรรสิทธิ์แก่ผู้ไม่มีที่ดินทำกิน อีกทั้งยังเป็นการแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐได้ด้วย” นายอรรถพลกล่าว