“อลงกรณ์ พลบุตร” ที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์
โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ชี้แจงเกี่ยวกับสารชีวภัณฑ์กำจัดวัชพืชแทน 3 สารอันตราย
เมื่อวันที่ 16 พ.ย. นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ชี้แจงเกี่ยวกับสารชีวภัณฑ์กำจัดวัชพืชแทน 3 สารอันตราย โดยระบุว่า… เรื่องสารชีวภัณฑ์กำจัดวัชพืชแทน3สารอันตรายกรมวิชาการเกษตรรายงานต่อคณะทำงานพิจารณาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกใช้สารเคมีทางการเกษตร3ชนิดว่ายังไม่มีสารชีวภัณฑ์กำจัดวัชพืชที่ได้รับการรับรองจากกรมฯแม้แต่รายเดียว มีเพียงสารชีวภัณฑ์กำจัดศัตรูพืชซึ่งขึ้นทะเบียนแล้ว73รายการ แสดงว่า แม้มีการแบน3สารเคมีแต่ก็จะใช้สารเคมีตัวอื่นที่แพงกว่าแทน3สารซึ่งอธิบายต่อสังคมยากมากว่าทำไมแบน3สารเคมีแต่ก็ใช้สารเคมีชนิดอื่นแทน
กระทรวงเกษตรฯและทุกภาคส่วนจึงต้องเร่งหาสารชีวภัณฑ์มาทดแทนให้เร็วที่สุดเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้มีสารทางเลือกที่ราคาไม่แพงและใช้น้อยรอบเพื่อลดต้นทุนการปลูกพืชของเกษตรกรทั่วประเทศโดยเฉพาะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและสุจภาพของเกษตรกรผู้ใช้และผู้บริโภคเป็นสำคัญตามเหตุผลของคณะกรรมการวัตถุอันตราย
เรื่องสารชีวภัณฑ์เป็นประเด็นอ่อนไหวมากมีบวกลบตลอด ผมไปดูมาที่สุพรรณบุรียังโดนวิจารณ์ซึ่งก็ชี้แจงไปแล้วจึงเข้าใจว่าอ่อนไหวมากแค่ไหนรวมทั้งมีการโยงไปถึงบริษัทผู้ผลิตกับตระกูลนักการเมืองใหญ่ในภาคอีสานเป็นประเด็นผลประโยชน์ทับซ้อนซึ่งถ้าพูดอย่างแฟร์คือถ้ามีอิทธิพลการเมืองเกี่ยวข้องจริงคงได้ขึ้นทะเบียนไปแล้วเพราะทดสอบใช้มานานถึง7ปีและแม้ว่าวันนี้จะขึ้นทะเบียนก็ต้องใช้เวลาทดสอบด้านพิษวิทยาและหลักเกณฑ์อื่นๆของกรมวิชาการเกษตรเป็นเวลานาน1-3ปี และคณะทำงานฯให้เปิดกว้างเต็มที่ในการขอขึ้นทะเบียนห้ามล็อคสเปคเป็นอันขาด สำคัญที่สุดคือการจัดการเรื่องนี้ต้องโปร่งใสไร้ผลประโยชน์ตามนโยบายของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีเกษตรและสหกรณ์ ใครก็ตามคิดแสวงหาประโยชน์จากความเดือนร้อนของเกษตรกรไม่ได้โดยเด็ดขาด
อย่างไรก็ตามผมถามนักวิจัยอิสระและลุงสุรินทร์ว่าสารชีวภัณฑ์ที่บรรจุในขวดใช้จุลินทรีย์อะไร เขาบอกว่าจุลินทรีย์อนุพันธ์ ผมจึงบอกชาวไร่กับสื่อมวลชนที่ไปด้วยเมื่อมีการเอาขวดบรรจุสารชีวภัณฑ์มาให้ดูที่สุพรรณบุรีว่าสารชีวภัณฑ์นี้ขึ้นทะเบียนไม่ได้เพราะใช้จุลินทรีย์อนุพันธ์และห้ามโฆษณาถ้าไม่ได้ขึ้นทะเบียน แต่ถ้าเป็นชีวภัณฑ์ที่ติดป้ายว่ากำจัดศัตรูพืชและผ่านการรับรองจากกรมวิชาการเกษตรก็ไม่มีปัญหาในการขายหรือโฆษณ ส่วนการทดลองใช้มา7ปีของลุงสุรินทร์ชาวไร่อ้อยก็เป็นเรื่องดีแต่ต้องเข้าใจว่าถ้าจะทำให้ถูกต้องก็ต้องไปขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตรต่อไป
หลังกลับจากสุพรรณบุรีก็มีสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทยนำปราชญ์ชาวบ้านมาพบผมและเอาสารชีวภัณฑ์จุลินทรีย์เชิงเดี่ยวเรียกว่าจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงมาให้ดูพร้อมรายงานการทดสอบซึ่งเป็นจุลินทรีย์เชิงเดี่ยวประเภทเดียวกับที่กรมพัฒนาที่ดินรายงานว่ากำลังวิจัยแต่ต้องใช้เวลา3ปีจึงจะสรุปผลได้
นอกจากเรื่องสารทางเลือกทดแทน3สารอันตราย ทางคณะทำงานกำหนดแนวทางเบื้องต้นในการช่วยเหลือเกษตรกรหลายมาตรการเช่น การช่วยเหลือเรื่องต้นทุนการผลิต การใข้เครื่องจักรกลและเทคโนโลยีทันสมัยมาจัดการแปลงเพาะปลูก การส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ เป็นต้นและจะสรุปเป็นมาตรการในการประขุมครั้งหน้าวันที่ 22 พ.ย. ก็ต้องช่วยกันทุกฝ่ายนะครับเพราะคณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติเมื่อ22ตุลาคมแบน3สารตั้งแต่1ธันวาคมนี้โดยทันที