“มนัญญา”ประกาศลั่นเอาจริงปิดฉากแบน 3สาร จี้ ผู้นำเข้า ส่งออก เก็บคืนจากท้องตลาดและเกษตรกร จวก ใครคิดใช้งบหลวงทำลายสาร เจอคุก
ตะลึงพบข้อมูลเด็กนักเรียนจ.เชียงราย ในพื้นที่ต้นน้ำของประเทศ ผลตรวจพบสารตกค้างในกระแสเลือดเกือบ100คน วอนทุกฝ่ายเร่งแก้ด่วน
เมื่อวันที่ 17 พ.ย.62 น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าได้มีหนังสือเชิญ 3 สมาคมผู้นำเข้า ส่งออก 3 สารเคมี มาประชุมวันที่ 21 พ.ย. นี้ที่กระทรวงเกษตรฯช่วงบ่าย หลังจากคณะกรรมการวัตถุอันตราย มีมติแบนและขึ้นทะเบียน 3 สาร คือ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส ไกลโฟเซต เป็นวัตถุอันตรายประเภทที่ 4 ห้ามนำเข้า จำหน่าย ผลิต ครอบครอง ในวันที่ 1 ธ.ค. เพื่อหารือถึงมาตรการรับคืนสารเคมีจากประชาชน เกษตรกร และการส่งออก 3สาร
และตนพร้อมที่จะลงนามในหนังสือส่งออก 3 สารไปประเทศที่สาม หรือประเทศต้นทาง ในฐานะที่กำกับดูแลกรมวิชาการเกษตร เพราะหากยังใช้สารเคมีอันตรายคาดว่าอนาคตประเทศไทยจะไม่มีคนทำการเกษตรเพราะเสียชีวิตก่อนวัยอันควรและดินเสียจากสารตกค้างในดิน
อย่างไรก็ตามในวันที่ 21 พ.ย. ที่จะมีการประชุมนั้นจะมีการกำหนดแนวทางการรับคืนสารเคมี จากเกษตรกร และผู้แทนจำหน่าย ร่วมทั้งการส่งออกกลับไปประเทศอื่นหรือประเทศต้นทาง ซึ่งหากไม่มา แสดงตนและหลัง 1 ธ.ค. 2562 ที่มติมีผลบังคับใช้และพบว่ายังมีของในสต๊อกบริษัทเอกชนที่นำเข้า ต้องรับผิดชอบในการส่งกลับไปยังประเทศต้นทางหรือการทำลายตามกฎหมาย และจะไม่สามารถเอาเงินหลวงไปใช้ในการทำลายได้ ใครใช้เงินหลวงไปรับทำลายสารติดคุกแน่นอนโดยในวันที่ 22 พ.ย. ยังจะมีการประชุมสารวัตรเกษตรทั่วประเทศ 300 กว่าคนเพื่อรับทราบแนวทางในการลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับเกษตรกรและประชาชน เรื่องการห้ามใช้ สารเคมีที่ถูกแบนด้วยเพราะหลังวันที่1ธันวาคม นี้ หากยังครอบครองจะมีโทษตามกฎหมายหนักจำคุกไม่เกิน 10 ปีปรับเป็นแสนเป็นล้าน
รมช.เกษตรฯกล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพื้นที่ที่มีการใช้สารเคมีทางการเกษตรโดยเฉพาะพื้นที่จ.เชียงราย มีตรวจเลือดเด็กนักเรียน130คนได้พบว่าผลเลือดมีสารตกค้างในเลือดถึง95คน ซึ่งเป็นปัญหาที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันแก้ไขอย่างเร่งด่วนด้วย