รมว. เฉลิมชัย กำชับทุกหน่วยงาน ยกระดับการป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรเป็นวาระแห่งชาติ
เตรียมเสนอของบกลาง ดำเนินมาตรการลดความเสี่ยง มั่นใจเอาอยู่ ไม่มีการระบาดใประเทศไทยแน่
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกัน ควบคุม และกำจัดโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรแห่งชาติ จากสถานการณ์การระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) พบใน 29 ประเทศ แบ่งเป็น ทวีปแอฟริกา 5 ประเทศ ทวีปยุโรป 13 ประเทศ และทวีปเอเชีย 11 ประเทศได้แก่ มองโกเลีย เวียดนาม กัมพูชา เกาหลีเหนือ สปป.ลาว พม่า ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ติมอร์-เลสเต และอินโดนีเซีย
จากการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดไทยยังไม่พบการระบาดของโรคดังกล่าว แต่เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านโดยรอบระบาดแล้ว จึงต้องจัดทำแผนเตรียมความพร้อมเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรค ในวันนี้จึงเชิญทุกภาคส่วนทั้งรัฐ เอกชน และเกษตรกรมารับทราบแนวเวชปฏิบัติของโรค ASF จัดตั้ง War Room ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค เตรียมซ้อมรับมือทุกจังหวัดทั่วประเทศ และเตรียมความพร้อมห้องปฏิบัติการในการตรวจวินิจฉัย อีกทั้งร่วมกับองค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (OIE) และองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) จัดประชุมแลกเปลี่ยนข้อมูลการเฝ้าระวัง
ทั้งนี้กรมปศุสัตว์ได้ของบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ไปพลางก่อน (เร่งด่วน) จำนวน 950 ล้านบาทเพื่อป้องกันโรค ASF ได้แก่ ค่าชดใช้ราคาสุกรที่ถูกทำลายเพื่อลดความเสี่ยงเกิดโรคในพื้นที่เสี่ยงสูง รถกำจัดซากสัตว์ติดเชื้อเพื่อควบคุมโรคระบาด และเครื่องตรวจวิเคราะห์สารพันธุกรรมในสภาพจริงแบบเคลื่อนที่ ตลอดจนดำเนินมาตรการป้องกันคือ การประกาศระงับการนำเข้าสุกรและผลิตภัณฑ์จากสุกรจากประเทศที่มีการระบาดของโรค และบูรณาการการทำงานกับทุกภาคส่วนป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำสุกร ผลิตภัณฑ์สุกรเข้ามาในประเทศ จัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ X-Ray เคาะประตูบ้าน เฝ้าระวังทางอาการ ขึ้นทะเบียนและประเมินความเสี่ยงด้วยแอพลิเคชั่น E-SmartPlus พร้อมให้คำแนะนำความรู้เรื่องโรคและการป้องกันเป็นต้น ซึ่งจะต้องเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบการของบประมาณดังกล่าว
ขณะเดียวกันยังได้ขอความร่วมมือหน่วยงานต่างๆ เข้มงวดในการตรวจสอบและตรวจยึดการนำเข้าผลิตภัณฑ์จากสุกรที่นักท่องเที่ยวนำติดตัวมา การจัดการเศษอาหารที่เหลือจากการบริโภคในโรงแรมและสถานประกอบการร้านอาหาร และการกำหนดมาตรการควบคุม กำกับดูแลแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์สุกรที่จำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ เป็นต้น ซึ่งหากทุกภาคส่วนมีความร่วมมือกันจะป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดในประเทศไทยได้
“กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรที่ได้รับผลกระทบจากการลดจำนวนสุกรที่เลี้ยงเพื่อลดความเสี่ยง โดยจะส่งเสริมการเลี้ยงแพะเนื่องจากปัจจุบันมีปริมาณการบริโภคในปี 2561 จำนวน 498,031 ตัว มีความต้องการในตลาด 647,440 ตัว แบ่งเป็น การบริโภคในประเทศ และการส่งออก ทั้งการส่งออกไปยังประเทศมาเลเซียและเวียดนาม นอกจากนี้ ยังจะมีการช่วยเหลือในการปรับเปลี่ยนอาชีพไปเลี้ยงโคเนื้อ ไก่ไข่ ไก่พื้นเมือง และการปลูกพืชอาหารสัตว์ 2 ไร่ เป็นต้น ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีรายได้อย่างต่อเนื่อง” นายเฉลิมชัยกล่าว