แกนนำเกษตรกรประกาศจะร้องศาลปกครองอีกครั้ง เมื่อประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ยกเลิก 3 สารมีผลบังคับใช้ ชี้กระทรวงเกษตรฯ ยังไม่มีมาตรการใดๆ รองรับเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร หากไล่จับปรับเกษตรกรที่ซื้อสารมาใช้ วุ่นวายแน่

แกนนำเกษตรกรประกาศจะร้องศาลปกครองอีกครั้ง เมื่อประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ยกเลิก 3 สารมีผลบังคับใช้

ชี้กระทรวงเกษตรฯ ยังไม่มีมาตรการใดๆ รองรับเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร หากไล่จับปรับเกษตรกรที่ซื้อสารมาใช้ วุ่นวายแน่

 

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สุกรรณ์ สังข์วรรณะ เลขาธิการสมาพันธ์เกษตรปลอดภัย

 

แกนนำเกษตรกรประกาศจะร้องศาลปกครองอีกครั้ง เมื่อประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ยกเลิก 3 สารมีผลบังคับใช้ ชี้กระทรวงเกษตรฯ ยังไม่มีมาตรการใดๆ รองรับเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร หากไล่จับปรับเกษตรกรที่ซื้อสารมาใช้ วุ่นวายแน่ ยันยังไม่เชื่อประสิทธิภาพสารชีวภัณฑ์กำจัดวัชพืชที่ “อลงกรณ์” มาศึกษาจากแปลงอ้อย จ. สุพรรณบุรีเมื่อวาน ที่ผ่านมาเกษตรกรจำนวนมากถูกหลอกขายเนื่องจากผสมพาราคอวตและไกลโฟเซตทั้งสิ้น

นายสุกรรณ์ สังข์วรรณะ เลขาธิการสมาพันธ์เกษตรปลอดภัยกล่าวว่า เตรียมจะร้องศาลปกครองให้ไต่สวนฉุกเฉินเพื่อคุ้มครองชั่วคราวอีกครั้ง ทันทีที่ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมยกเลิกใช้สารเคมี 3 ชนิดมีผลบังคับใช้ เกษตรกรจำนวนมากไม่สบายใจในการปฏิบัติของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เนื่องจากยังไม่มีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ต้นทุนจะสูงขึ้นจากการห้ามใช้สารเคมี 3 ชนิดเลย แต่กรมวิชาการเกษตรออกคำสั่งกำหนดแผนแจ้งการครอบครองและส่งมอบสารเคมีแล้ว จึงเห็นว่า การเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นเพียงการทำให้ครบตามขั้นตอนเท่านั้น​ แต่ไม่ได้มีเจตนา​รมณ์ที่จะนำความคิดเห็นของประชาชนและเกษตรกรไปพิจารณาเพื่อตัดสินใจแต่อย่างใด นอกจากนี้นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ยังระบุว่า ค่าทำลายสารเคมีเป็นความรับผิดชอบของผู้ครอบครอง เกษตรกรทั่วประเทศที่ซื้อสารเคมี 3 ชนิดมาไว้ใช้นั้น ต้องจ่ายค่าทำลายที่มีอัตราสูงมากอีก หากสารวัตรเกษตรมาไล่จับเกษตรกรเชื่อว่า จะทำให้เกิดความวุ่นวายแน่นอน

ล่าสุดสมาพันธ์​เกษตร​ปลอดภัย​เปิดบัญชีให้เกษตรกรส่งเงินมาสนับสนุนค่าจ้างทนายความเพื่อร้องต่อศาลปกครอง ทนายความที่รับว่าความแจ้งค่าใช้จ่ายมา 800,000 บาท จึงขอให้เกษตรกรร่วมสมทบตามกำลัง อีกทั้งกำลังเตรียมเอกสารให้เกษตรกรที่เดือดร้อนเป็นโจทย์ร่วม

นายสุกรรณ์ยังแสดงความเห็นถึง การที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว. เกษตรฯ มอบหมายให้นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารมว. เกษตรฯ ไปตรวจเยี่ยมแปลงอ้อยของเกษตรกรรายหนึ่งในอำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยระบุว่า เป็นแปลงอ้อยอินทรีย์ ใช้สารชีวภัณฑ์ของผู้ผลิตรายหนึ่งเพื่อกำจัดวัชพืชมา 7 ปีซึ่งได้ผลดี ทั้งนี้ต้องการทราบผลการตรวจสอบจากห้องปฏิบัติการว่า จุลินทรีย์ที่กล่าวอ้างว่า กำจัดวัชพืชได้นั้นเป็นชนิดใด หากำจัดวัชพืชได้จริงส่งผลต่อพืชประธานหรือไม่ หากได้ผลดีจริง ตนจะได้นำมาใช้ในแปลงอ้อย 420 ไร่ในอำเภอหนองหญ้าไซ จังหวัดสุพรรณบุรีด้วย จึงขอให้กรมวิชาการเกษตรเร่งทดสอบประสิทธิภาพ แต่ก่อนขึ้นทะเบียนสารชีวภัณฑ์ดังกล่าว ขอให้ตรวจให้แน่ชัดว่า ไม่มีสารเคมีป้องกันกำจัดวัชพืชอื่นใดผสมอยู่เนื่องจากที่ผ่านมาเกษตรกรจำนวนมากถูกหลอกให้ซื้อสารชีวภัณฑ์​หลายยี่ห้อ​มาใช้ แต่เมื่อตรวจสอบในห้องปฏิบัติการพบว่า ผสมพาราควอตและไกลไฟเซตลงไป แล้วขายในราคาแพงอีกด้วย