การดำเนินคดีนำหินที่ระเบิดและไม่ได้รับอนุญาตในการก่อสร้างถนนสี่เลนในจังหวัดมุกดาหาร…เจอตอให้ยุติเรื่อง
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2562 โดยการนำของนายสุรเดช อัคราช ผู้อำนวยการสำนักงานธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดมุกดาหาร พร้อมเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่บริเวณก่อสร้างถนนสี่เลนระหว่างบ้านคำพอก ตำบลโนนยาง อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร เพื่อทำการจับกุมบริษัทรับเหมาก่อสร้างได้ขุดหินที่บริเวณก่อสร้างไปใช้ประโยชน์อื่นและต้นไม้ที่สำรวจไว้แล้ว ในการก่อสร้างถนนดังกล่าวยังไม่ได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้แต่ได้มีการขุดหินและนำต้นไม้ออกจากพื้นที่ก่อสร้าง เมื่อเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อทำการจับกุมปรากฏว่าผู้รับเหมามีการเคลื่อนย้ายเครื่องจักรออกจากพื้นที่ก่อสร้างทั้งหมด ไม่พบแม้กระทั่งคนงานก่อสร้าง หลังจากนั้นเจ้าหน้าได้เดินทางเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของโครงการและผู้รับเหมาก่อสร้างที่ สภ.หนองสูง อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร และได้แจ้งข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินคดี
จากที่หลายฝ่ายได้ประสานความร่วมมือกันและได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบ จับกุมการระเบิดภูเขาเพื่อเปิดเส้นทางให้กับการทำถนนเขตอำเภอหนองสูงจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมสอบถามชาวบ้านที่อยู่บริเวณดังกล่าวว่า หน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบคือกรมป่าไม้ว่าหินที่ได้จากการระเบิดเพื่อเปิดเส้นทางภูเขาบริเวณอำเภอหนองสูงเพื่อทำถนนนั้นไปอยู่ที่หนแห่งใดบ้าง
แหล่งข่าว จากกลุ่มสื่อมวลชนจังหวัดมุกดาหาร ที่ได้ลงพื้นที่ติดตามการทำงานของบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างถนนดังกล่าว ทราบภายหลังว่าเป็นบริษัทที่ไปซับ contact กลับบริษัทแม่ทราบชื่อในภายหลัง ว่ามีการทำสัญญาซื้อขายงานกันประมาณ 830 ล้านบาท การยื่นหนังสือเพื่อให้กับทางจังหวัดได้ลงพื้นที่ในการตรวจสอบทราบที่ไปของหินที่ทำการระเบิดเปิดเส้นทางว่ามีการนำไปใช้ประโยชน์ส่วนตนในกิจการงานหลายอย่างในเขตพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดนครพนมและจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยเฉพาะในจังหวัดมุกดาหารบริษัทที่ได้ทำการซับคอนแทรคในการทำถนนเส้นทางอำเภอหนองสูงคำชะอี กุฉินารายณ์ เป็นผู้ที่ได้รับงานการก่อสร้างเขื่อนชลประทานในเขตเมืองมุกดาหารมูลค่ามากถึง 409 ล้านบาท ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกันและมีการนำโยกย้ายเอาหินที่ทำการระเบิดภูเขาเปิดเส้นทางไปทำแนวแผงกั้นตลิ่ง โดยหินที่ได้มาใช้ประโยชน์ดังกล่าวเป็นหินที่ไม่ได้ผ่านการสัมปทานจากโรงโม่แต่อย่างใด ประเด็นที่มาของหินทำให้เป็นที่ต้องสงสัยกับแหล่งข่าวของผู้สื่อข่าวในตัวเมืองจังหวัดมุกดาหารเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยประเด็นที่มีการลำเลียงหินจากบริเวณการก่อสร้างถนนมาทำเขื่อนกั้นน้ำทางบริษัทผู้รับเหมาได้ทำการย่อยสลายหินโดยใช้เครื่องหัวกระแทกใส่กับรถแบคโฮเพื่อทำการย่อยขนาดหินให้เล็กลงไปตามขนาด จากการที่นำเอาหินจากพื้นที่บริเวณในการระเบิดภูเขาเพื่อเปิดเส้นทางทำถนนผู้สื่อข่าวจึงอยากนำเรียนสอบถามไปยังหน่วยงานชลประทานว่า ได้มีการกำหนดคุณลักษณะรูปแบบของลักษณะหินที่นำมาเรียงรายตามรูปภาพเพื่อทำแผงกั้นตลิ่งเป็นระยะแนวทางยาวตามลำน้ำใช้หินประเภทใดและหินที่ได้มาไม่ได้มีการซื้อขายแต่นำมาจากการระเบิดจากการเปิดเส้นทางดังกล่าวผิดกฎหมายหรือไม่ รวมไปถึงเส้นทางระบายของน้ำผ่านพื้นที่ที่กรมป่าไม้ดูแลรับผิดชอบและมีการขุดเอาดินบริเวณที่ขวางลำน้ำจากการระบายของเขื่อนกั้นน้ำเพื่อเปิดช่องทางน้ำออกแต่ไม่ได้มีการขออนุญาตในการใช้พื้นที่ดังกล่าวจากกรมป่าไม้จังหวัดหรือกรมป่าไม้จะทำอย่างไร
แหล่งข่าวในมุกดาหารแจ้งเพิ่มเติมอีกว่า กรณีที่มีข้าราชการท่านหนึ่งที่ผู้สื่อข่าวมองว่าเป็นคนตรงไปตรงมาถูกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ให้ยุติเรื่อง ไม่ให้ดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องคดีและอย่างอื่นอย่างไรต่อเช่น การอายัดหินหรือตรวจสอบหินโดยทราบมาว่ามีนายทหารยศชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งขอร้องไปยังข้าราชการระดับสูงกว่าไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว และไม่ให้แจ้งดำเนินคดีฟ้องร้องหรืออายัดหินแต่อย่างใด รวมไปถึงให้ยุติการดำเนินการในการตรวจสอบ จากประเด็นดังกล่าวการตั้งข้อสังเกตของกลุ่มผู้สื่อข่าว ทำไมอธิบดีกรมป่าไม้รู้ทั้งรู้ว่าผิดต่อระเบียบและข้อกฎหมายรวมไปถึงทรัพยากรที่จะต้องดูแลโดยตำแหน่งและหน้าที่ทำไมถึงปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินการอย่างไรและไม่ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง หากผู้ใต้บังคับบัญชาถูกกดขี่ข่มเหงไม่ให้ดำเนินการทำตามหน้าที่แล้วเรื่องที่มีการระเบิดหินโดยที่ไม่ได้รับขออนุญาตจากทางกรมป่าไม้รวมไปถึงมีการขนทรัพยากรในพื้นที่ออกไปใช้โดยที่ไม่มีการร้องขอหรือทำอนุญาตการขอใช้ทรัพยากรของชาติไปใช้ในประโยชน์ส่วนตนคำถามที่ต้องตั้งเพื่อจะต้องสอบถามมายังสังคมคนทั้งประเทศแล้วใครล่ะจะเป็นคนดำเนินคดีเกี่ยวกับเรื่องการกระทำผิดดังกล่าว หากภาครัฐพบเห็นการกระทำผิดดังกล่าวแต่ยังคงนิ่งเพิกเฉย แล้วประชาชนจะอยู่อย่างไร อีกทั้งผู้สื่อข่าวในจังหวัดมุกดาหาร ทราบมาว่าสัญญางานได้หมดสิ้นแล้วในวันที่23ตุลาคม2562 และทราบมาว่าสามารถต่อสัญญางานได้อีกปี โดยอ้างว่าติดประเด็นปัญหาเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดิน จึงให้ต่อสัญญาได้อีก1ปี โดยประเด็นดังกล่าว ได้มีการตั้งข้อสังเกตสงสัยว่าการเรียกผู้รับจ้างมาทำสัญญาจะต้องมอบพื้นที่ทำงานให้แต่ถ้าไม่สามารถมอบพื้นที่ทำงานให้ได้ ก็จะไม่สามารถทำงานตามสัญญาได้ ดังนั้นผู้รับจ้างจะไม่สามารถอ้างเป็นเหตุให้ต่อสัญญาได้ จึงอยากให้กรมทางหลวงยุติการต่อสัญญาให้กับโครงการดังกล่าว
ไกรสมุทร นามโพธิ์ไทร /รายงานจากมุกดาหาร