กระทรวงเกษตรฯ ทำแปลงใหญ่ผลิตถั่วเหลืองนำร่องที่นิคมแม่แตง จ. เชียงใหม่ สนับสนุนเครื่องจักรกลการเกษตรในการจัดการแปลง
ลดต้นทุนการผลิต และลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวว่า สศก. ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อพัฒนาการผลิตถั่วเหลืองได้จัดประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ เพื่อพิจารณางบประมาณดำเนินโครงการนำร่องการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรทดแทนแรงงานเพื่อลดต้นทุนการผลิตถั่วเหลืองในพื้นที่ของเกษตรกรที่เป็นสมาชิกของสหกรณ์นิคมแม่แตง จำกัด 50 ราย รวมพื้นที่ 500 ไร่ ทั้งนี้เพื่อเป็นตัวอย่างการรวมตัวผลิตสินค้าเกษตรแบบแปลงใหญ่ ใช้กลไกสหกรณ์บริหารจัดการโดยใช้ทรัพยากรการผลิตร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถลดต้นทุนการผลิตและการตลาด
ปัจจุบันประเทศไทยผลิตถั่วเหลืองได้ประมาณ 40,000 ตัน/ปี ไม่ถึงร้อยละ 2 ของความต้องการใช้ของภาคอุตสาหกรรมซึ่งมีมากถึงปีละ 2.85 ล้านตัน จำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้าถึงร้อยละ 98 ทั้งนี้ การผลิตถั่วเหลืองในประเทศมีน้อยเป็นผลมาจากต้นทุนการผลิตสูง ขาดแคลนแรงงาน ผลผลิตต่อไร่ค่อนข้างต่ำ พื้นที่ปลูกของเกษตรกรส่วนใหญ่เป็นแปลงที่มีขนาดเล็ก ไม่เหมาะแก่การใช้เครื่องจักร จำเป็นต้องพึ่งพาแรงงานในการปลูกเก็บเกี่ยว ดังนั้นจึงการรวมกลุ่มการผลิตแบบแปลงใหญ่จึงจะแก้ปัญหาดังกล่าวได้ โดยใช้นโยบายการตลาดนำการเกษตร ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด
คณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อพัฒนาถั่วเหลืองมีมติอนุมัติเงินจ่ายขาดจากกองทุนฯ 1,650,890 บาทให้กรมส่งเสริมสหกรณ์นำไปจัดทำโครงการนำร่องการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรทดแทนแรงงาน ในพื้นที่นิคมสหกรณ์แม่แตง จ.เชียงใหม่ โดยจัดหาเครื่องจักรกลการเกษตรที่จำเป็นได้แก่ เครื่องหยอดเมล็ดพันธุ์ เครื่องวัดความชื้น เครื่องเกี่ยวนวด เครื่องทำความสะอาดเมล็ดถั่วเหลือง เป็นต้น สามารถลดจำนวนเมล็ดพันธุ์ที่ใช้ปลูกต่อไร่ลง รวมทั้งมีเครื่องจักรอื่นๆ ที่ใช้ในการบริหารจัดการแปลงเพื่อให้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น ตั้งเป้าหมายเพิ่มเป็น 350 – 400 กก./ไร่จากเดิมที่ผลิตได้เพียง 200 – 250 กก./ไร่เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีเครื่องจักรกรในการจัดการเมล็ดถั่วเหลืองหลังเก็บเกี่ยวทำให้เมล็ดพันธุ์มีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐานส่งผลให้ได้รับราคาที่สูงขึ้น ซึ่งคาดว่าการใช้เครื่องจักรกลจะสามารถช่วยลดต้นทุนได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 และหากประสบความสำเร็จ จะได้ดำเนินการขยายผลไปสู่เกษตรกรผู้ปลูกถั่วเหลืองกลุ่มอื่นๆ ต่อไป