มติคณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติแบน 3 สาร ขณะที่กลุ่มคัดค้านการแบนสารเคมี  เตรียมเดินหน้าร้องศาลปกครอง ประกาศแบนพรรคภูมิใจไทย ไม่เห็นใจ เกษตรกรไทยสร้างปัญหายาว เห็นแก่ธุรกิจการเมืองและกลุ่มผลประโยชน์

 

มติคณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติแบน 3 สาร ขณะที่กลุ่มคัดค้านการแบนสารเคมี  เตรียมเดินหน้าร้องศาลปกครอง

ประกาศแบนพรรคภูมิใจไทย ไม่เห็นใจ เกษตรกรไทยสร้างปัญหายาว เห็นแก่ธุรกิจการเมืองและกลุ่มผลประโยชน์

 

วันนี้ 22 ต.ค.62 เวลา 9.40 น. ที่กระทรวงอุตสาหกรรม ได้มีการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย ตาม พรบ. วัตถุอันตราย2535 แก้ไข 2551 โดยมีนายภานุวัฒน์ ตริยางกรูศรี รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานการประชุม แทน ปลัดอุตสาหกรรม เพื่อ พิจารณาห้ามใช้ หรือแบน 3 สารเคมีทางการทางการเกษตร ได้แก่ สารพาราควอต สารไกลโฟเซตและคลอร์ไพริฟอส โดยใช้เวลากว่า5ชั่วโมง

จนเวลา15.00 น ได้มีการแถลงถึงมติของที่ประชุม โดย นายภานุวัฒน์ ได้มีการแถลงผลประชุมว่า ในการประชุมวันที่ ได้มีการพิจารณา เรื่องที่กระทรวงเกษตรฯ เสนอ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมวิชาการ 3 ชนิด ที่มีการเสนอ ให้ยกเลิกสารเคมี 3 ชนิดโดยพิจารณาจากวัตถุอันตราย ชนิดที่3เป็นวัตถุอันตราย ชนิดที่4 คือ ยกเลิกใช้ ทุกกรณี ทั้งหมด โดยมีผล ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป โดยคณะกรรมการทั้งหมดในที่ประชุมทั้ง26คน ได้มีการพิจารณาข้อมูล ผลการดำเนินการ ตาม ที่กระทรวงเกษตรฯ ได้มีการตั้งคณะทำงาน พิจารณา รอบด้าน จากทุกภาคส่วนที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย จึงมีมติเห็นชอบในการแบนสารเคมมีทั้ง3 ชนิด ดังนี้ โดยมีมติในการแบนสารเคมมีดังนี้ พาราควอท เห็นด้วยกับการแบน แบน 21 จำกัดการใช้ 5 ส่วนครอร์ไพริฟอสเห็นด้วยกับการ แบน 22 จำกัดการใช้ 4 ขณะที่ไกลโฟเซตเห็นด้วยกับการแบน 19 จำกัดการใช้ 7 โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้ทางกรมวิชาการ ไปดำเนินการยกร่าง ประกาศ กระทรวงว่าด้วยบัญชีรายชื่อ วัตถุอันตราย และจัดให้มีการรับฟัง ความคิดเห็น แล้วเสนอคณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นในการประชุมครั้งต่อไป พร้อมทั้งขอให้กรมวิชาการพิจารณาระยะเวลา ความเหมาะสม ในการบริหารจัดการวัตถุอันตราย ที่ยังคงเเหลือจากประกาศ มีผลบังคับใช้ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้เกี่ยวข้อง เช่นเกษตรกร หรือร้านจำหน่าย ด้วย

“ที่ประชุมมีมติ ให้มีการแบน สารเคมมีทั้ง3ชนิดตามที่กระทรวงเกษตรเสนอมา จากนี้ไป ก็ เป็นเรื่องของกรมวิชาการ จะเป็นผู้ดำเนินการต่อไปตามมติที่ประชุมให้ ไปดำเนิการในการประกาศ กระทรวงให้ชัดเจน พร้อมกับดำเนินการตามที่ มติเห็นชอบออกมา” นายภานุวัฒน์กล่าว

 นางสาว อัญชุลี รักอำนวยพร ประกาศ ว่า แกนนำกลุ่มต่อต้านการแบนสารเคมมีทั้ง 3 ชนิด กล่าวว่า จากนี้ไป ทางกลุ่ม แกนนำ พร้อมที่จะเดินหน้า ทุกวิถีทาง ในการ ยกเลิกการแบนสารเคมมีทั้ง3 ชนิดนื่องจากข้อมูลประกอบในการพิจารณา เป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ และจะมีการเสนอรายงานข้อมูลที่แท้จริงต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อ ขับเคลื่อนในการยกเลิกมติการแบนต่อไป โดยเบื้องต้น จะมีการเตรียมข้อมูล ไว้หมดแล้ว และจะมีการ ร้องต่อศาลปกครองด้วย

ขณะนายสุกรรณ์ สังข์วรรรณะ เลขาธิการสมาพันธ์เกษตรปลอดภัย ซึ่งเป็นแกนนำในการต่อต้านมติ การยกเลิกสารเคมมี อีกคนกล่าวว่า บอกว่ามติที่เกิดขึ้นถือเป็นอัปยศที่ไม่นึกถึงเกษตรกรไทย จากนี้ไป ขอให้เกษตรกรไทย แบน “พรรคภูมิใจไทยเพราะถือว่าทำลายเกษตรที่ต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นแม้นัฐจะจ่ายค่าชดเชยก็ไม่เกิดประโยชน์เพราะเงินค่าชดเชยที่จ่ายให้ ก็ ไม่สามารถนำมาจ้างแรงงาน กำจัดวัชพืชได้ ซึ่ง ยอมรับไม่ได้ ที่ผ่านมา ทางกลุ่ม ผู้คัดค้านการแบน ทราบอยู่แล้วว่า มีธงให้แบน มาตั้งแต่แรก ไม่รู้ จากใคร แต่ยืนยันว่า เกษตรกร สู้ไม่ถอยแน่นอน ซึ่งส่วนตนรู้สึกเสียใจ มาก ที่ รมช. เกษตร มาจากประชาชนแท้ เกษตรกรแท้ๆ แต่ไม่นึกถึงเกษตรกร ส่วน กระทรวง สาธารณสุขหาก มีมติแบน ก็ ไม่แปลกเพราะดู แลเรื่องสุขภาพประชาชน แต่ กระทรวงเกษตร อย่างนางสาว มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช. เกษตร ฯ น่าจะเห็นใจ เกษตรกร ที่ตนเองต้องดู แลให้มากกว่านี้

“เป็นรัฐมนตรีเกษตรที่ได้มาจากการเลือกตั้งแท้ๆ ที่มาจากชาวบ้านไม่ใช่คนในเมือง  เป็นเสียงชาวบ้าน เกษตรกร แต่กลับมาเหยียบหัวชาวบ้าน เราทนไม่ได้ จากนี้ไปแม้จะเกิดอะไรขึ้นพี่น้องจะสู้ตลอด และเราจะรอเอกสาร เพื่อ เสนอ ต่อ นายก และ ร้องต่อศาลปกครอง พร้อมทั้งขับเคลื่อนให้มี การยกเลิกมติ ในครั้งนี้ การยกเลิกมติครั้งนี้ แล้วมีการนำสารเคมีเหมือนกันไม่ได้อะไรเลย เพราะยิ่งร้ายกว่าเดิม ใช้สารเคมมีมากกว่าเดิมด้วย ปัญหาที่ เกิดขึ้นเป็นเพียงข้ออ้าง มีพิษมากกว่า เดิม ที่เกิดขึ้นเป็นการปล้น แบบคนเมือง ทุกอย่างถ้า มีเรื่องธุรกิจ เข้ามาครอบงำไม่มีอะไรโปร่งใสครับ” นายสุกรรณ์

 

นายสุกรรณ์ บอกด้วยว่า สารเคมีทั้งหมดที่มีการแบนในวันนี้ ถือเป็นปัจจัยหลักการผลิตสำคัญที่ทำให้เกษตรอุตสาหกรรมของประเทศเจริญเติบโตได้ทุกวันนี้ ภาครัฐจะต้องเตรียมรับมือกับมูลค่าความเสียหายทั้งในแง่รายได้เกษตรกร 2.5 แสนล้านบาท และมูลค่าการส่งออก 5.7 แสนล้านบาท รวมแล้วภาครัฐจะต้องสูญเสียรายได้กว่า 8.2 แสนล้านบาท

ขณะเดียวกัน ภาคเกษตรกร จำเป็นต้องใช้สิ่งทดแทนที่ไม่ใช้สารเคมี เนื่องจากกังวลด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ขอให้รัฐจ่ายเงินค่าชดเชย ส่วนต่างค่าแรงงาน 1.2 ล้านล้านบาทต่อปี พร้อมหาแรงงานคนมาช่วยถอนหญ้า หากหาไม่ได้ ขอให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน และ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ มาถอนหญ้าให้เกษตรกร 60 ล้านไร่ให้เสร็จภายใน 30 วัน รวมทั้งยกเลิกหนี้สินปัจจุบันของครอบครัวเกษตรกรทุกคนที่อยู่ในระบบของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อสร้างหนี้ใหม่กู้เงินมาซื้อเครื่องจักร และรัฐออกค่าใช้จ่ายส่วนต่างของเครื่องจักรทั้งหมดให้เกษตรกรเมื่อเทียบกับค่าสารเคมี พาราควอต

สำหรับมาตรการรองรับการแบน 3 สารดังกล่าว ยังขาดความชัดเจนในหลายด้าน เป็นเพียงนโยบายกระดาษ ขาดความสามารถในการปฏับัติจริง ขอให้หน่วยงานภาครัฐมาทดลองสาธิตให้เห็นเป็นรูปธรรมกับพืชเศรษฐกิจที่กำลังปลูกบนพื้นที่ 500 ไร่ให้เห็นจริง เห็นผลภายหลังการกำจัด หญ้า ภายใน 1 วัน หากทำไม่ได้ก็เป็นเพียงนโยบายน้ำลายขายฝันให้เกษตรกร และขอประกาศให้วันที่ 22 ตุลาคม เป็น วันกลียุคเกษตรกรรมไทย จารึกไว้ให้รุ่นลูกหลานรู้ไว้ถึง เกษตรกรรมไทยล้มสลายด้วยระบบการบริหารเอื้อนายทุนสารเคมีกลุ่มใหม่ ทฤษฏีสมรู้ร่วมคิดระหว่างนักการเมืองและ NGO

นอกจากนี้ เกษตรกรขอประกาศแบนพรรคการเมืองสมคบคิด และขอ “เผาผี” กลุ่มบุคคลดังกล่าวที่ตั้งใจทำร้ายเกษตรกร อ้างทำเพื่อสุขภาพประชาชน และเตรียมพาพี่น้องเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบไปเรียกร้องค่าชดเชยต่อไป

 

 

You May Have Missed!

1 Minute
โรงพยาบาล
สำนักอนามัยจัดกิจกรรมรณรงค์วันส้วมโลก ประจำปี 2567 ณ โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์
1 Minute
โรงพยาบาล
โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ จัดพิธีทำบุญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำโรงพยาบาล
0 Minutes
ข่าวประชาสัมพันธ์
ทรู แจกใหญ่ จัดหนัก กับ แคมเปญ “รวยคูณสอง แจกทอง แจกรถ” ร่วมกับ 8 พาร์ทเนอร์ชั้นนำ มอบโชคใหญ่ให้ลูกค้าทรู ดีแทค รวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท เพียงสมัครบริการเสริม ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับของรางวัลทันที ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 พ.ค. 68
1 Minute
ข่าวประชาสัมพันธ์
คณะกรรมการบริหารโรงเรียนปลูกปัญญา แต่งตั้ง “บิ๊กทิน” ผจก.ฟุตซอลทีมชาติไทย  เป็นประธานที่ปรึกษาโรงเรียน