“ม็อบหนุนแบน3สาร หอบดอกไม้ให้กำลังใจ รมช.มนัญญา กล้าหาญประกาศจุดยืนลุยสู้เพื่อคนไทย ถามผู้ใหญ่ในคก.วัตถุอันตราย ทำไมยังขโมยชีวิตเด็กไทยให้อยู่กับสารเคมีที่มีแต่โทษ”

“ม็อบหนุนแบน3สาร หอบดอกไม้ให้กำลังใจ รมช.มนัญญา กล้าหาญประกาศจุดยืนลุยสู้เพื่อคนไทย ถามผู้ใหญ่ในคก.วัตถุอันตราย ทำไมยังขโมยชีวิตเด็กไทยให้อยู่กับสารเคมีที่มีแต่โทษ”

 

เมื่อวันที่ 21 ต.ค.62 เครือข่ายสตรีมุสลิม4ภาค ได้มามอบดอกไม้ให้กำลังน.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ให้เดินหน้าแบน3สาร นำโดยดร.กิ่งแก้ว ช่วยกาญจน์ นายกสมาคมสตรีมุสลิม จ.กระบี่ กล่าวว่าเราพร้อมต่อสู้เคียงข้าง รมช.เกษตรฯซึ่งเป็นสตรีที่มีความกล้าหาญที่กล้าประกาศยกเลิกใช้สารเคมี จนทำให้ในสังคมไทยหันมามองเรื่องนี้และในฐานะที่เป็นคนที่อยู่ในกระทรวงสาธารณสุข รู้สึกช็อกดีใจที่มีรัฐมนตรีมาประกาศจุดยืนแบนสารเคมีทันที เพราะอยู่ในวงการสาธารณสุขมาตลอด  พบว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นจากผลของสารเคมีเกษตร ทั้งในพืชผักผลไม้ ดินและน้ำ มองมาตลอดว่าเมื่อไหร่กระทรวงเกษตรฯเป็นต้นทางที่จะไม่ใช่สารเคมีเหล่านี้ และจะเอาจริงเอาจังกับการควบคุมหรือไม่ให้มีสารเคมีใช้ในประเทศ ที่ผ่านมาแม้จะมีมาตรการจำกัดการใช้3สาร แนะนำวิธีใช้ เข้มงวดการซื้อขาย สุดท้ายยังพบว่าการปนเปื้อนของสาร3ตัวนี้ในพืชผักผลไม้กว่า70เปอร์เซ็นต์ มาถึงวันนี้เป็นจุดถึงเวลาแล้วคนไทยทุกคนในฐานะแม่ และฐานะครู มองว่าไม่อยากให้ผู้ใหญ่ในคณะกรรมการวัตถุอันตราย ขโมยชีวิตเด็กไทยไป ทุกคนก็รู้ว่าสารเคมีมีโทษ แต่ทำไมยังให้ใช้อยู่

“ดีใจมากที่มีนักการเมืองระดับประเทศต่อสู้เพื่อคนไทย ไม่เคยนึกมาก่อนว่าจะมีวันนี้ เราทำฐานข้อมูลเรื่องโรคจำนวนมากของเกษตรกรมาจากสารเคมี ปีๆหนึ่งประเทศไทยจ่ายค่าสาธารณสุขไปมากมาย และที่เห็นอยู่คือเกษตรกรไทยมีหนี้สินกับคนไทยเป็นโรคมากขึ้น”ดร.กิ่งแก้ว กล่าว

น.ส.มนัญญา กล่าวว่า ทุกอย่างรอมติที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย วันที่22 ต.ค. ว่าจะมีความเห็นอย่างไร ตนพร้อมสู้ไปกับทุกคนเพราะวันนี้แม้มีกฏกระทรวงกำจัดการใช้สารเคมี แต่ถามว่าเกษตรกรไทยจะมีสักกี่คนที่จะแยกออกว่า ให้สารอะไรใช้สำหรับวัชพืชใบแคบ หรือวัชพืชใบกว้าง เพราะว่าเมื่อเกษตรกรปลูกพืชอะไร และมีต้นที่ไม่ต้องการมองว่าเป็นวัชพืชก็ซื้อยามาฉีดเพราะหาได้ง่าย เพราะฉะนั้นหลังจากนี้จะหยิบปัญหาเรื่องการขึ้นทะเบียนสารเคมีเกษตร สารชีวะภัณฑ์ ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยเคมี มาพูดคุยกันหาจุดที่เหมาะสมกับปัจจุบันที่ต้องการพืชอินทรีย์ ปลอดสาร ในขณะเดียวกันต้องมีประสิทธิภาพเพียงพอกำจัดศัตรูพืชได้ โดยไม่เป็นอันตรายต่อคนและสิ่งแวดล้อม และเปิดกว้างข้อกำหนดต่างๆในการขึ้นทะเบียนให้กับสูตรสมุนไพรที่มีฤทธิ์กำจัดศัตรูพืช ที่คิดค้นโดยภูมิปัญญาชาวบ้าน ไม่ใช่ใครทำอะไรก็ไปจับกุมหมด ทำให้ปุ๋ยอินทรีย์ น้ำหมักสมุนไพรพื้นบ้าน ที่ผ่านมาจึงไม่ได้เกิด จากนี้ให้กรมวิชาการเกษตร นำมาขึ้นทะเบียนให้ถูกต้องเพื่อให้เกษตรกรนำไปใช้ได้ ซึ่งสรรพสิ่งบนแผ่นดินไทยใช้ประโยชน์ได้มากมาย รวมถึงวิธีการทำเกษตรของโครงการหลวง ของในหลวงรัชกาลที่9 ที่ทำให้พืชแข็งแรง แมลงจะไม่มากิน แมลงจะกินพืชที่อ่อนแอ ขอให้หน่วยงานเปิดใจกว้างมากขึ้นด้วย

 

You May Have Missed!

1 Minute
โรงพยาบาล
สำนักอนามัยจัดกิจกรรมรณรงค์วันส้วมโลก ประจำปี 2567 ณ โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์
1 Minute
โรงพยาบาล
โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ จัดพิธีทำบุญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำโรงพยาบาล
0 Minutes
ข่าวประชาสัมพันธ์
ทรู แจกใหญ่ จัดหนัก กับ แคมเปญ “รวยคูณสอง แจกทอง แจกรถ” ร่วมกับ 8 พาร์ทเนอร์ชั้นนำ มอบโชคใหญ่ให้ลูกค้าทรู ดีแทค รวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท เพียงสมัครบริการเสริม ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับของรางวัลทันที ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 พ.ค. 68
1 Minute
ข่าวประชาสัมพันธ์
คณะกรรมการบริหารโรงเรียนปลูกปัญญา แต่งตั้ง “บิ๊กทิน” ผจก.ฟุตซอลทีมชาติไทย  เป็นประธานที่ปรึกษาโรงเรียน