“มนัญญา” ลุยแน่ ขนทัพเกษตรกร กดดันคกก.วัตถุอันตราย 22 ต.ค.นี้

 

“มนัญญา” ลุยแน่ ขนทัพเกษตรกร กดดันคกก.วัตถุอันตราย 22 ต.ค.นี้

ลั่น!! เลิกคุยเรื่องผลประโยชน์ได้แล้ว เดินมาไกลกว่าแบน 3 สาร ปลื้ม รมต.อาเซียน ชมเปราะเป็นผู้หญิงเก่ง ทำให้ไทยมาถึงจุดปลอดสารเคมี

ด้าน “เฉลิมชัย” พร้อมแจงม็อบเกษตรกรยื้อแบนสารพิษ ย้ำมีมาตรการช่วยเหลือรองรับความเดือดร้อนเกษตรกรทุกด้าน

 

เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 62 ที่รัฐสภา เกียกกาย นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังรับมอบกระเช้าดอกไม้ให้กำลังใจจากคณะอนุกรรมการสตรี เด็ก เยาวชน และผู้สูงอายุ ของกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพฯ ที่ต้องการให้ยกเลิกการใช้ 3 สารเคมี คือ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และ ไกลโฟเซตว่า ได้ดำเนินการจัดทำเอกสารแบน 3 สารขั้นตอนสุดท้าย เพื่อนำส่งกับคณะกรรมการวัตถุอันตรายเรียบร้อยแล้ว ทุกวันนี้ก็ทำสุดเอื้อม และต้องรอทุกอย่างเดินไปตามระบบ เพราะพูดกันมานาน ตั้ง 2 ปีกว่าแล้ว ซึ่งเป็นขั้นตอนต่อไปในการประชุมของคกก.วัตถุอันตราย และส่งถึงนายกฯ แล้ว

เมื่อถามว่า กลุ่มเกษตรกรที่ค้านการยกเลิกการใช้ 3 สาร อยากให้ค่อยๆ ลด ละ เลิก ภายใน 2 ปี ไม่ต้องการให้แบนทันที นางสาวมนัญญา กล่าวว่า เราก็ได้ยินคำนี้มานานแล้ว ลด ละ เลิก และเรื่องการแบนสารไม่ใช่เกิดวันนี้ หรือพรุ่งนี้ แต่เกิดขึ้นก่อนที่ตนมาดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งควรจะถึงที่สิ้นสุดได้แล้ว โดยก่อนหน้านี้ ได้สั่งการห้ามนำเข้าแล้ว และมีการเตรียมพร้อมทยอยลดการนำเข้าตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เมื่อตนได้เข้ามา ก็ได้สั่งห้ามการนำเข้า ก็ไม่น่าจะมีสารหลงเหลืออยู่ในมือเกษตรกร หรือบริษัทเอกชน ซึ่งทุกบริษัทก็ได้เตรียมพร้อมก่อนหน้านี้ ตนนั่งอ่านข่าวก็ยังงง ว่ายังเหลือสต็อกสารอีกเยอะ มันน่าจะไม่มีแล้ว และเกษตรกรก็มีสานทางเลือกต่างๆ ที่มีอยู่ในท้องตลาดจำนวนมาก แม้แต่สารเคมีชนิดอื่นๆ ก็ยังมีอยู่ในท้องตลาดเป็น 100 ยี่ห้อ ตนก็ยังงงว่าทำไมสารเคมีในประเทศไทยมีมากมาย ทั้งนี้ ถ้าใครมีสารทางเลือกอื่นๆ ที่จะเป็นเกษตรอินทรีย์ สามารถนำมาเสนอที่ดิฉันได้โดยตรง เพื่อช่วยเกษตรกรให้มีทางเลือกมากขึ้น

 

เมื่อถามว่า มีการถูกคุกคาม ข่มขู่อีกหรือไม่ นางสาวมนัญญา กล่าวว่า ถ้าเราไม่ไปฟังก็ไม่ได้ยิน ถ้าไม่ได้ไปมองก็ไม่เห็น เมื่อถามว่า ถ้าผลมติคกก.วัตถุอันตราย ออกมาไม่แบน 3 สาร นางสาวมนัญญา กล่าวว่า เวลานี้ขอทำใจเป็นกลางก่อน สำหรับตัวตนเมื่อทำมาถึงขนาดนี้ ก็ต้องทำให้สำเร็จ และความสำเร็จครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อตนเอง แต่เพื่อเกษตรกร พี่น้องประชาชน ต้องคุ้มครองผู้บริโภค และสุขภาพความปลอดภัยด้านสาธารณสุข ซึ่งมันไกลเกินกว่าจะคุยกันในหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องผลประโยชน์อย่ามาคุยกันอีกเลย

“ระหว่างการประชุมรัฐมนตรีเกษตรและป่าไม้อาเซียน ที่ประเทศบรูไน รัฐมนตรีหลายประเทศได้มาให้กำลังใจ บอกว่าเก่งนะ เป็นผู้หญิงยังทำเรื่องใหญ่ได้ขนาดนี้ เพราะเห็นจากข่าว และรู้สึกดีใจที่ประเทศไทยจะยกเลิกการใช้สารเคมี เพราะประเทศของเขาก็เลิกใช้สารเคมีแล้ว ซึ่งเป็นประเทศในอาเซียน ดิฉันคิดไม่ถึงเลยว่า จะได้รับกำลังใจขนาดนี้จากประเทศในอาเซียน”รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าว

 

เมื่อถามว่า คกก.วัตถุอันตราย ระบว่า ยังไม่ได้รับวาระการแบน 3 สาร จากกระทรวงเกษตรฯ ได้รับเพียงแต่หนังสือแบน 3 สาร จากมติ 4 ฝ่าย เท่านั้น นางสาวมนัญญา กล่าวว่า เอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในการแบน 3 สาร กระทรวงเกษตรฯ ได้ส่งให้กับปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคกก.วัตถุอันตราย เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น วาระการประชุมต้องอยู่ที่ประชุมคกก.วัตถุอันตราย จะนำวาระการแบน 3 สาร บรรจุเข้าสู่การพิจารณา ในวันที่ 22 ต.ค.นี้ เพราะกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นเจ้าภาพ ต้องเป็นผู้ทำวาระการประชุมซึ่งขณะนี้หมดหน้าที่ของตนแล้ว และเอกสารต่างๆ จากกระทรวงเกษตรฯ ถึงกระทรวงอุตสาหกรรมทั้งหมดไม่มีตกหล่นแน่นอน

“ในวันที่ 22 ต.ค.นี้ ดิฉันจะไปร่วมฟังผลการประชุมของคกก.วัตถุอันตรายด้วย พร้อมกับมีกลุ่มเกษตรกรที่ต้องการให้ยกเลิก 3 สาร จากหลายจังหวัด ได้โทรติดต่อมาหาดิฉัน ว่าจะขอมาฟังผลการประชุมของคกก.วัตถุอันตราย จำนวนมาก แต่ดิฉันบอกว่า ให้ส่งตัวแทนมาก็พอ หากมากันเยอะ จะไม่สะดวก ซึ่งกลุ่มเกษตรกรต้องการให้กำลังใจดิฉัน และคกก.วัตถุอันตราย ในการยกเลิก 3 สาร”นางสาวมนัญญา กล่าว

ด้าน นายเฉลิม ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ไม่ว่ามติคกก.วัตถุอันตราย จะออกมาอย่างไร แต่แนวทางกระทรวงเกษตรฯ ชัดเจน มีนโยบายส่งเสริมการทำเกษตรแบบยั่งยืน ได้แก่ การทำเกษตรปลอดภัย เกษตรผสมผสาน เกษตรอินทรีย์ รวมทั้งได้เตรียมมาตรการต่างๆ ในการช่วยเหลือเกษตรกรที่ต้องการปรับเปลี่ยนจากการใช้สารเคมี มาเป็นเกษตรปลอดสาร พร้อมกับหาสารชีวภัณฑ์ และเทคโนโลยีต่างๆ ในการกำจัดศัตรูพืชไว้แล้ว ทั้งนี้ วันที่ 21 ต.ค.นี้ กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกพืชอุตสาหกรรม 6 ชนิด ขอเข้าพบ ให้ชะลอการยกเลิกใช้ 3 สารเคมี ตนยินดีที่จะรับฟังข้อมูลความเดือดร้อนของเกษตรกร พร้อมชี้แจงว่ากระทรวงเกษตรฯ มีมาตรการรองรับการปรับเปลี่ยนวิถีการทำเกษตรกรรม และมาตรการช่วยเหลือต่างๆ ไว้ทุกด้านแล้ว