นักวิชาการยันถุงบิ๊กแบ๊กจีนสีดำ ชายหาดทับสะแกเป็นสิ่งปฏิกูลจากโรงงานอุตสาหกรรม หากพบมีสารตกค้างภายในต้องนำไปกำจัดตามกฎหมาย
จากกรณีฝ่ายปกครองอำเภอทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองท้องถิ่น ( อปท.) นำเครื่องจักรกลหนักวางถุงบิ๊กแบ๊ก 1,000 ชุด ผลิตจากพลาสติคสีดำ บริเวณชายหาดความยาว 800 เมตร ที่หมู่ 2 บ้านทุ่งประดู่ ต.ทับสะแก ต่อมาพบว่าถุงบิ๊กแบ๊กบางส่วนได้รับความเสียหายจากคลื่นทะเล ชาวบ้านพบคราบฝุ่นสีดำบริเวณชายหาด ต่อมาพบว่าถุงบิ๊กแบ๊กเคยใช้บรรจุสารเคมีจากประเทศจีน สำหรับการวางบิ๊กแบ๊กตามแนวชายหาด เนื่องจากผู้รับเหมาของกรมเจ้าท่าทิ้งงานตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 ทำให้ก่อสร้างเขื่อนกันคลื่นที่หาดทุ่งประดู่ความยาว 1,175 เมตรงบประมาณ 60 ล้านบาท ก่อสร้างได้เพียง 400 เมตร หลังจากกรมเจ้าทาทำสัญญาจ้างเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2560
วันที่ 10 ตุลาคม นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้สั่งการให้นายภิรมย์ นิลทยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมที่ศาลากลางจังหวัด เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริงและรายงานให้ทราบทุกประเด็นในข้อกฎหมายจากการใช้ถุงดำทำบิ๊กแบ๊ก และมอบหมายให้สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดทำเอกสารชี้แจงสื่อมวลชนเพื่อเสนอแนวทางการทำงานของหน่วยงานรัฐ แต่ขณะนี้ยอมรับว่ายังไม่ได้รับรายงานสรุปผลการประชุม ยืนยันว่าถุงดำทั้งหมดต้องรื้อออกเร็วๆนี้ โดยใช้งบป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย( ปภ.) แก้ไขปัญหา แต่ขณะนี้ขอวางบิ๊กแบ๊กไว้ก่อนจนกว่าจะมีของใหม่มาทดแทน และ ขอเรียนว่างบสร้างเขื่อนเป็นของกรมเจ้าท่าไม่ใช่งบประมาณของจังหวัด มีการตั้งข้อสังเกตว่าผู้รับเหมาทิ้งงานตั้งแต่ปลายปี 2561 แต่มาตรการเยียวยาผลกระทบไม่มีความชัดเจน
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เข้าพบนายอภิสิทธิ์ คำภิโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาประจวบคีรีขันธ์ เพื่อสอบถามที่มาของถุงบิ๊กแบ๊กสีดำที่อ้างว่ามีผู้บริจาค ปรากฏว่านายอภิสิทธิ์ ได้ปฏิเสธให้ข้อมูลโดยอ้างว่าจะต้องสอบถามจากนายภิรมย์ นิลทยา รองผู้ว่าราชการจังหวัด และหากจะโดนแจ้งข้อหาละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ในมาตรา 157 เพราะถูกร้องว่าไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย 2457 ตามที่มีผู้ยื่นร้อง ป.ป.ช.ยืนยันว่าสามารถชี้แจงได้ จากนั้นได้เชิญผู้สื่อข่าวออกจากห้องทำงานทันที โดยอ้างว่ามีภารกิจต้องทำและแสดงท่าทางไม่พอใจ
ด้านนักวิชาการแหล่งข่าวจากนสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ระบุว่า เมื่อตรวจสอบพบว่าถุงมาจากโรงงานแห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงคือ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ต้องไปตรวจอบที่โรงงานต้นทางว่าการนำถุงดังกล่าวออกมาใช้งาน ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เนื่องจากพบว่าเป็นถุงที่บรรจุสารเคมีนำเข้าจากต่างประเทศ ตาม พ.ร.บ.โรงงาน 2535 ถือว่าถุงดังกล่าวเป็นสิ่งปฏิกูลที่ใช้แล้ว หากจะนำออกไปใช้ประโยชน์นอกโรงงานจะต้องมีการขออนุญาตตามขั้นตอนของกฎหมายและจะต้องไม่มีสารตกค้างภายใน แต่กรณีนี้เมื่อพบผงคาร์บอนแบล็คตกค้างอยู่ภายในถุงพลาสติคที่นำมาใส่ทรายทำบิ๊กแบ๊กลักษณะเป็นฝุ่นสีดำ ถือว่าจะเข้าข่ายมีสิ่งตกค้างโรงงานจะต้องนำถุงไปกำจัดตามหลักวิชาการเท่านั้น โดยไม่จำเป็นต้องตรวจสอบว่าสิ่งที่ตกค้างในถุงจะเป็นวัตถุอันตรายด้วยหรือไม่
ด้าน นายเสรี พรามณี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 บ้านทุ่งประดู่ กล่าวว่า ก่อนที่จะมีการนำถุงบิ๊กแบ็กมาวางได้มีการประชุมสอบถามความคิดเห็นจากชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งต่างเห็นด้วยเพราะที่ผ่านมาชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากปัญหาคลื่นซัดฝั่ง ผู้รับเหมารายดังกล่าวจึงได้มีการนำถุงบิ๊กแบ็กมาวางเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน 2562 เป็นการใช้งานชั่วคราวในระยะทาง 800 เมตร ถุงทุกใบยังมีสภาพดี ไม่เปื่อยยุ่ย เมื่อบรรจุทรายเสร็จจะมีการเย็บปิดปากถุงทุกใบ แต่เมื่อเป็นข่าวขึ้นมา ทางผู้รับเหมาที่นำถุงมาให้จึงต้องหยุดการเย็บปิดปากถุงไว้ก่อน
ขอบคุณภาพ ข่าว
พิสิษฐ์ รื่นเกษม ข่าวประจวบคีรีขันธ์