มติแบน3สารพิษ เสียงเอกฉันท์ 9ต่อ0 “มนัญญาปลื้ม”
ห้ามผลิต ห้ามใช้ ห้ามจำหน่าย เริ่ม 1 ธ.ค.62 เกษตรกรส่วนใหญ่ถูกใจ
เมื่อวันที่ 7 ต.ค.62 ที่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯ เป็นประธานการประชุมคณะทำงานเพื่อพิจารณาความเห็นของส่วนรัฐ ผู้นำเข้า เกษตรกร และผู้บริโภค( 4ฝ่าย) ต่อการยกเลิก สารเคมีวัตถุอันตรายทางการเกษตร 3 สาร คลอร์ไพริฟอส พาราควอต และไกลโฟเซต ตามคำบัญชานายกรัฐมนตรี ให้ตั้งคณะทำงานพิจารณาโดยเร็ว ทั้งนี้กรรมการประกอบด้วย น.ส.มนัญญา ประธานคณะทำงาน ,นายฉกรรจ์ แสงรักษาวงษ์ ประธานคณะที่ปรึกษารมช.เป็นกรรมการ ,น.ส.เสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร, นายอัคคพล เสนาณรงค์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเกษตรวิศวะกรรม กรมวิชาการเกษตร ,แพทย์หญิงสุมณี วัชรสินธุ์ รักษาการนายแพทย์เชี่ยวชาญกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ,แพทย์หญิงศุลีกร ธนธิติกร นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ กรมควบคุมโรค ,น.ส.บุญยืน ศิริธรรม นายกสมาคมสหพันธุ์องค์กรผู้บริโภค ,น.ส.สุภาวดี ทับทิม ประธานกลุ่มเกษตรอินทรีย์ สังกัดนิคม ชะอำ เพชรบุรี ,น.ส.เสาวลักษณ์ พรกุลวัฒน์ นายกสมาคมอารักขาพืชไทย ,นางวิไลวรรณ พรหมคำ ผอ.สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืชกรมวิชาการเกษตร ,นายมนตรี ปาป้อง นักวิชาการสหกรณ์ชำนาญการ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ,น.ส.นัชชา ช่อมะลิ เลขานุการคณะที่ปรึกษารมช.เกษตรฯ ทั้งนี้ในการประชุม สมาคมอารักขาพืช ได้มีหนังสือแจ้งที่ประชุมว่าไม่ได้เข้าร่วม ติดภารกิจต่างประเทศ ไม่ส่งผู้แทนเข้าร่วมด้วย
น.ส.มนัญญา กล่าวว่า ที่ประชุมมติ 9ต่อ0 ให้แบน3สารชนิด โดยจะเสนอให้คณะกรรมการวัตถุอันตราย พิจารณาให้สารทั้ง3ชนิดซึ่งอยู่ในบัญชีประเภทที่3ไปเป็นบัญชีประเภทที่4 ตั้งแต่วันที่1 ธ.ค.62 จะเป็นผลให้ห้ามครอบครอง ห้ามจำหน่าย ห้ามนำเข้า ห้ามผลิต โดยหลังจากนี้จะนำมติให้กรรมการทุกคนลงนามรับผลประชุม เพื่อให้นายกรัฐมนตรี ภายในวันสองวันนี้ ในฐานะที่บัญชาให้ตั้งคณะทำงานชุดนี้ เพื่อพิจารณาให้เกิดความรอบครอบ และหลังจากนั้นนำเสนอต่อคณะกรรมการวัตถุอันตราย ซึ่งเดิมมีกำหนดประชุมวันที่27ต.ค. แต่เมื่อคณะทำงาน4ฝ่ายมีข้อยุติในวันนี้ คาดว่าคณะกรรมการวัตถุอันตราย อาจเลื่อนการประชุมชี้ขาดขึ้นมาได้เร็ว จากกำหนดเดิม
“ในการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย จะมีการพิจารณาลงมติไม่ว่าจะเปิดเผยหรือโดยลับก็ตาม แต่ในส่วนของผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมเปิดเผยชื่อแสดงตัวต่อสาธารณะ เพราะฉะนั้นเรื่องที่จะไปละเมิดการลงมติไม่ได้เป็นประเด็น ทั้งนี้กรมวิชาการเกษตร มีรายละเอียดครบสมบูรณ์ในเรื่องสารทดแทน วิธีการทำเกษตรทดแทน ซึ่งต้องไม่ลืมว่าประเทศไทยยังมีสารเคมีอีกจำนวน หลายชนิดที่ยังใช้กันอยู่ทั่วไป เพียงแต่วันนี้เราพบว่า3สารนี้เป็นพิษร้ายแรงอันตรายต่อคนและสิ่งแวดล้อม จึงยกเลิกการใช้ทันที และหากในอนาคตพบว่าสารเคมีตัวอื่นที่มีอยู่ในท้องตลาดหลายยี่ห้อ มีความเป็นพิษสูงจะเสนอยกเลิกตามลำดับไป ซึ่งสารทดแทนหรือวิธีการทดแทน มีผลกำจัดศัตรูพืช เพียงแต่ไม่รวดเร็วทันใจที่ราดหญ้า ฆ่าแมลงแล้วตายทันเหมือน3สารนี้ แต่สารตัวอื่นอาจจะใช้เวลาเพิ่มขึ้นสักเล็กน้อยกว่าหญ้าจะตาย อาจช้าไป3-5ชั่วโมง แต่ไม่เป็นอันตรายไม่มีความเป็นพิษสูงเท่า3ตัวนี้ ทั้งนี้เกษตรกรก็รู้วิธีแบบดั้งเดิมทำอย่างไรและ รู้ว่ามีสารอะไรให้ใช้แทน อยู่แล้ว ถ้าไม่มี พาราควอต ไกลโฟเซส คลอร์ไพริฟอส เพราะฉะนั้นเรื่องต้นทุนจึงไม่เป็นปัญหา ” น.ส.มนัญญา กล่าว
รมช.เกษตรฯ กล่าวยืนยันว่า ขณะนี้ไม่มีนายทุนรายใหญ่ที่จะรอนำเข้าสารทดแทนตัวใหม่ เข้ามาในประเทศไทย เหมือนที่มีการกล่าวหาพรรคภูมิใจไทย เตรียมเปิดทางให้นายทุนพรรค นำสารเข้ามา ไม่มีทั้งสิ้นและการขออนุญาตนำเข้าไม่ได้ทำได้ในทันที เพราะต้องมีระยะการพิสูจน์พิษวิทยาและการขออนุญาตทำตามกฎหมายของพ.ร.บ.วัตถุอันตราย ดังนั้นอย่าห่วงเรื่องเจ้าสัวนำเข้าสารตัวใหม่ และไม่มีการตัดตอนบริษัทนำเข้า 3 สาร เพราะทั่วโลกก็แบนกัน58ประเทศแล้ว
“มติครั้งนี้ถือเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งปกติของขวัญปีใหม่เป็นวันที่1ม.ค. แต่ในวันนี้รัฐบาลให้เป็นของขวัญกับประชาชนทันที เพราะต่อไปในเทศกาลปีใหม่ตั้งแต่วันที่1ธ.ค.คนไทยไปเที่ยวที่ไหน มีพืชพันธ์ธัญญาหารปลอดภัย อากาศบริสุทธิ์ให้กับสุขภาพคนไทย ในเรื่องนี้อธิบดี คณะกรรมการ ไม่ต้องกลัวว่าต้องขึ้นศาลเพราะถ้าต้องขึ้นดิฉันจะไปด้วยเพราะเราไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งในวันนี้ดิฉันมีความพอใจระดับหนึ่ง แต่หน้าที่ยังไม่จบ ต้องอีก3-4วันถึงจะสำเร็จถือเป็นชัยชนะของคนไทยร่วมกัน” น.ส.มนัญญา กล่าว
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในการประชุมใช้เวลากว่า2ชม.โดยไม่ให้สื่อเข้าบอกว่าจะเชิญเข้ามาตอนประชุมเสร็จเพื่อให้มาสังเกตการณ์คณะทำงานคนไหนโหวตเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย หลังการประชุม น.ส.มนัญญา ได้ให้ที่ประชุมแสดงความเห็นต่อหน้าสื่อและโหวตเรียงบุคคล อย่างไรก็ตามสื่อจับตาเป็นพิเศษกับท่าที ของอธิบดีกรมวิชาการเกษตร เนื่องจากก่อนหน้ามีแถลงการณ์ออกมาว่าต้องยืนตามหลักวิชาการ โดยปรากฏว่าอธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวก่อนโหวตว่า 1.เนื่องจากเป็นนโยบายของรมช.เกษตรฯและเป็นนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกและรมว.สาธารณสุข 2.เนื่องจากการจะยกเลิกต้องมีการพิจารณาสารทดแทน ข้อมูลประกอบวิชาการเชิงประจักษ์ว่าเป็นพิษต่อร่างกายมนุษย์ จึงเห็นด้วยกับมติที่ประชุมที่จะยกระดับ3สารนี้จากบัญชีประเภทเป็นประเภทที่4