แฉ..นายทุนมักง่าย ซื้อถุงแบล๊กคาร์บอนด์จากจีนมีสารก่อมะเร็งมอบฝ่ายปกครองทับสะแก ใช้ทรายชายหาดทุ่งประดู่ บรรจุทำบิ๊กแบ๊กวางแนวเขื่อนกันคลื่น
วันที่ 7 ตุลาคม 62 นายดิเรก จอมทอง ผู้ประสานงาน สส.พรรคเพื่อไทย เขต 2 จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับการร้องเรียนชาวบ้านที่อาศัยใกล้บริเวณชายหาดทุ่งประดู่ หมู่ 2 ต.ทับสะแก อ.ทับสะแก หลังจากประสบปัญหาคลื่นทะเลกัดเซาะบ้านเรือนได้รับความเสียหายหลายหลัง เนื่องจากมีผลกระทบจากการก่อสร้างเขื่อนกันคลื่นแบบหินทิ้งความยาว 1,175 เมตร โดยกรมเจ้าท่าใช้งบประมาณ 60 ล้านบาท ว่าจ้างผู้รับเหมาดำเนินการ ตั้งแต่เดือนวันที่ 30 มกราคม 2560 แต่ที่ผ่านมามีการก่อสร้างเพียง 400 เมตรในจุดที่ไม่มีบ้านเรือนของประชาชน จากนั้นกรมเจ้าท่าได้ยกเลิกสัญญาเมื่อเดือนธันวาคม 2561 เนื่องจากผู้รับเหมาทิ้งงาน ขณะที่สัญญาจ้างครบกำหนดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561 ใช้เวลาก่อสร้าง 540 วัน ทำให้ที่ผ่านมามีปัญหาคลื่นกัดเซาะชายฝั่งรุนแรงต่อเนื่อง แต่ชาวบ้านยังไม่รับการเยียวยาผลกระทบ
นายดิเรก กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ใช้เครื่องจักรกลหนักวางบิ๊กแบ๊กกว่า 1,000 ชุด โดยนำทรายจากบริเวณชายหาดไปบรรจุในถุงแบล็คคาร์บอนด์ เพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งที่เหลือกว่า 800 เมตร อ้างว่าบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยถุงบิ๊กแบ๊กดังกล่าวผลิตจากประเทศจีน และอาจมีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมจากสารก่อมะเร็งที่ตกค้างบริเวณชายหาด เนื่องจากมีคราบเขม่าสีดำปนเปื้อนบนชายหาด ซึ่งหลังจากวางตามแนวชายหาดได้ไม่นานขณะนี้ถุงบิ๊กแบ๊กส่วนใหญ่ได้ชำรุดเสียหาย ขณะที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าถุงบิ๊กแบ๊กที่นำมาใช้มีราคาถูก ทั้งที่ควรผลิตจากกระสอบป่าน กระสอบพลาสติกเหนียวหรือ ถุงผ้าใบที่มีความแข็งแรง ทนทาน ไม่ควรใช้วัสดุที่มีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม หลังจากก่อนหน้านี้ชุมชนบ้านทุ่งประดู่ ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประเทศตามโครงการหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของกระทรวงอุตสาหกรรม 10 หมู่บ้าน 10 จังหวัด เพื่อทำกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่
“ จากการตรวจสอบทราบว่า ถุงบิ๊กแบ๊คดังกล่าวมีนายทุนรายหนึ่ง อ้างว่าเป็นผู้รับเหมารายใหม่นำมามอบให้ฝ่ายปกครองใช้กันคลื่นชั่วคราวก่อนถึงหน้ามรสุม โดยแจ้งว่าหากมีการทำสัญญาก่อสร้างเขื่อนกับกรมเจ้าท่าแล้ว จะมอบถุงบิ๊กแบ๊กเพิ่มให้อีกหลายพันชุด เพื่อวางตลอดแนวชายหาดระยะทาง 800 เมตร สำหรับการทำสัญญาเพื่อก่อสร้างให้เสร็จทราบว่าในระหว่างการจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษซึ่งจะใช้งบที่เหลือกว่า 40 ล้านบาท ยังมีปัญหาจากการร้องเรียนจากผู้รับเหมาที่ยื่นเสนอราคาแข่งขัน และขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากสำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลาง คาดว่ายังไม่มีการลงนามก่อสร้างเขื่อนในระยะสั้น ” นายดิเรก กล่าว
นายประมวล พงศ์ถาวราเดช สส.ประจวบคีรีขันธ์ เขต 3 พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า โครงการนี้ล่าช้าผิดปกติ ขณะนี้ได้เร่งรัดให้กรมเจ้าท่าเร่งทำได้ทำสัญญาจ้างกับบริษัทเอกชนรายใหม่ เพื่อก่อสร้างให้เสร็จโดยเร็ว เนื่องจากเดิมเริ่มสัญญาตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม 2560วัน ครบกำหนดมอบงานในวันที่ 21 กรกฎาคม 2561 ต่อมาชาวบ้านได้ขึ้นป้ายประท้วงประจานความล้มเหลวในการใช้งบ ทำให้กรมเจ้าท่าส่งเจ้าหน้าที่ชี้แจงปัญหาให้ประชาชนในพื้นที่ทราบความคืบหน้าเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2562 จากนั้นอ้างว่าจะมีผู้รับเหมารายใหม่ภายใน 4 เดือน แต่ปัจจุบันยังไม่มีการลงนามในสัญญาจ้าง
ขอบคุณ ภาพ ข่าว จาก พิสิษฐ์ รื่นเกษม ข่าวประจวบคีรีขันธ์