ETDA ชวนคนทำงาน คิดต่าง…ด้วย 3 ทักษะ สู่ Gen Smart ที่ AI ยังทำไม่ถึง

ETDA ชวนคนทำงาน คิดต่าง…ด้วย 3 ทักษะ สู่ Gen Smart ที่ AI ยังทำไม่ถึง

อีก 5 ปี หรือ 10 ปีข้างหน้า ชีวิตการทำงานของเราจะเป็นอย่างไร? เรากลัวการเปลี่ยนแปลงหรือไม่? ถ้าคุณตอบว่า “ไม่” ก็คงเป็นเรื่องน่ายินดี แต่สำหรับใครที่กล้าที่จะตอบว่า     “ใช่และกำลังกลัว” ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก  เพราะในวันที่…เทคโนโลยีก้าวล้ำไปไกล ทุกเรื่องที่เราคิด ออกแบบ วันนี้กลับมีเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยทำแทน ช่วยคิด ช่วยเขียน รวมถึงช่วยสร้างจินตนาการ
ที่อยู่ในสมองออกมาเป็นภาพเล่าเรื่องได้อย่างเป็นรูปธรรม สร้างสรรค์ผลงานไม่ต่างจากคนทำงานที่เป็นมนุษย์! จนทำให้สังคมคนทำงานทั่วโลกต่างกังวลว่า อนาคต AI จะเข้ามาแทนที่คนทำงานที่เป็นมนุษย์หรือไม่ เพราะไม่ว่าทักษะไหนที่เราเคยมีและคิดว่าสำคัญที่มนุษย์เท่านั้นที่ทำได้ วันนี้กลับถูกแทนที่ด้วย AI อย่างไม่น่าเชื่อ จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ World Economic Forum (WEF) ได้คาดการณ์ว่าภายในปี 2568 เทคโนโลยีอันล้ำสมัยนี้จะเข้ามาแทนที่ตำแหน่งงานในบริษัทขนาดกลางและขนาดใหญ่ถึง 85 ล้านตำแหน่ง ครอบคลุม 15 อุตสาหกรรม ใน 26 ประเทศทั่วโลก ส่งผลให้คนทำงานกว่า 50% ทั่วโลกจำเป็นที่จะต้องปรับทักษะการทำงานใหม่หรือ Reskill เพื่อให้อยู่รอด

ETDA หรือ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หน่วยงานที่มุ่งส่งเสริมให้คนไทยพร้อมเปลี่ยนผ่านก้าวสู่โลกอนาคตอย่างมั่นใจ แบบ “ชีวิตดีเมื่อมีดิจิทัล” จะขอพาทุกคนไปร่วมถอดบทเรียน ทำความรู้จัก กับทักษะแห่งอนาคตที่คนทำงานจะต้องมีไปกับ World Economic Forum (WEF) เจ้าของผลการศึกษาชื่อดัง Future of Jobs Report 2023 รายงานฉบับสำคัญ คู่มือสำหรับการศึกษาแนวโน้มของการทำงานที่ได้มาร่วมแชร์มุมมองอนาคตการทำงาน บนเวทีเสวนาแห่งปีของ ETDA อย่าง DGT2024  พบว่า จากทักษะแห่งอนาคตที่มีอยู่อย่างหลากหลายที่ WEF ออกมาเปิดเผยนั้น จะมีอยู่ 3 ทักษะสำคัญที่แม้จะมี AI เข้ามาช่วยในการทำงาน แต่ก็ยังทำแทนคนทำงานอย่างเราๆ ไม่ได้

Company worker working with female wheelchair user in office, doing teamwork to plan strategy. Woman with chronic disability and health condition analyzing project report, talking to colleague.

ทักษะการคิดสร้างสรรค์-จุดแข็งของคน ที่เทคโนโลยียากจะก้าวตามทัน

อย่างที่หลายๆ คนที่เคยใช้ AI มาช่วยในการสร้างสรรค์ผลงานต่างก็ทราบกันดีคือ แม้ AI จะสามารถช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากและนำเสนอ ออกแบบ ผลงานต่างๆ ได้ตามคำสั่งที่ป้อน แต่นั่นก็เป็นเพียงผลลัพธ์ที่ถูกพัฒนาต่อยอดจากฐานข้อมูลที่เราป้อนและสอนมันเข้าไป ถ้าในมุมของความถูกต้อง แน่นอน AI สามารถตอบโจทย์เราได้ไม่มากก็น้อย แต่หากถามถึงในมุมของความคิดสร้างสรรค์ล่ะก็ เชื่อว่า คนทำงาน หรือคนที่เคยใช้งาน AI ทุกคนต่างก็จะตอบเป็นเสียงเดียวกันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก หากจะทำได้ก็ต้องอาศัยการป้อนคำสั่ง หรือ Prompt ซึ่งก็สร้างสรรค์โดยมนุษย์อยู่ดี และหลายๆ องค์กร ต่างก็มักจะมองหาทักษะนี้ จากคนทำงานมากกว่า ผู้ช่วยอย่าง AI เพราะทักษะการคิดเชิงสร้างสรรค์ หรือ Creative Thinking เป็นกระบวนการที่มนุษย์ใช้ในการสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ ๆ และแนวคิดที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งต้องอาศัยความคิดริเริ่มและการมองเห็นโอกาสในสถานการณ์ที่ดูเหมือนไม่มีทางแก้ปัญหา การคิดเชิงสร้างสรรค์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในงานศิลปะหรือการออกแบบเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญในทุกสาขาอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ การสร้างกลยุทธ์ทางธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ หรือการหาวิธีแก้ปัญหาที่ซับซ้อน โดยทักษะนี้ช่วยให้คุณมองเห็นโอกาสจากมุมมองที่แตกต่าง และสร้างความโดดเด่นในการทำงาน และถ้าหากใครมีทักษะ การคิดเชิงวิเคราะห์  หรือ Analytical Thinking ทักษะการคิดอย่างเป็นระบบ การแยกแยะและตีความข้อมูล เพื่อเข้าใจปัญหาและหาวิธีแก้ไข
อย่างมีเหตุผลสามารถตัดสินใจอย่างมีข้อมูลสนับสนุน เข้ามาเพิ่มแล้วล่ะก็ คุณจะมีชัยเหนือกว่า AI และคนทำงานคนอื่นๆ แน่นอน

ทักษะการปรับตัวและความยืดหยุ่น หัวใจหลักของคนทำงาน ที่ AI ไม่อาจเทียบ

จากความสามารถในการประมวลผลข้อมูลและการทำงานที่ซับซ้อนได้ในเวลาอันรวดเร็วของเทคโนโลยี  AI ในอดีตอาจทำให้หลายคนต่างกังวลว่า มันกำลังจะทดแทนมนุษย์คนทำงานได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่ แต่วันนี้เราเริ่มทราบกันแล้วว่า  AI ยังคงมีข้อจำกัดและมีหลายทักษะที่ AI ยังยากที่จะเลียนแบบ หนึ่งในทักษะนั้นก็คือ ทักษะการปรับตัวและความยืดหยุ่น (Resilience, Flexibility, and Agility) ทักษะนี้เป็นคุณสมบัติสำคัญมากๆ ที่ทำให้เราคงเป็นผู้นำในโลกของการทำงานและการใช้ชีวิตท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว เพราะทักษะนี้จะทำให้เรามีความสามารถในการปรับตัวและเรียนรู้  จากประสบการณ์จริง แม้อยู่ในสถานการณ์ที่ท้าทายหรือไม่คาดฝันก็ตาม หากเรามีทักษะนี้
ก็จะช่วยให้สามารถพัฒนาตนเองและองค์กรได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องมีใครมาป้อนคำสั่งเหมือนกับ AI ที่ถูกกำหนดด้วยโปรแกรมและข้อมูลที่ป้อนเข้าไปเท่านั้นและไม่สามารถปรับตัวได้อย่างอิสระเหมือนกับคน ซึ่งความสามารถในการปรับตัวและยืดหยุ่นไม่เพียงช่วยให้คนทำงานเปลี่ยนแปลงตามสภาพแวดล้อมหรือข้อจำกัดใหม่ได้ แต่ยังทำให้เกิดการเรียนรู้จากความผิดพลาดและปรับปรุงวิธีการแก้ปัญหาใหม่ ๆ อยู่เสมอและคล่องตัว เมื่อต้องเผชิญกับอุปสรรคที่ต้องใช้การตัดสินใจที่ซับซ้อนและมีปัจจัยด้านอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง แน่นอนเราก็ยังคงได้เปรียบ AI เพราะการมีทักษะนี้ทำให้เราสามารถรับมือกับความท้าทายที่หลากหลาย
ทั้งในด้านจิตใจและการทำงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ AI ไม่สามารถเรียนรู้ได้อย่างแท้จริง

ทักษะ AI และ Big Data – ทักษะที่คนทำงานต้องมี เพื่อต่อยอดใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด

จากรายงานของ WEF ออกมาเปิดเผยว่า ทักษะทางเทคโนโลยี AI และ Big Data ถูกจัดเป็นทักษะสำคัญออันดับที่ 3 ในกลยุทธ์การฝึกอบรมของบริษัทต่างๆ ในช่วงปี 2023-2027 โดยเฉพาะในบริษัทที่มีพนักงานมากกว่า 50,000 คน และทักษะด้าน AI และ Big Data ยังเป็นทักษะที่ถูกจัดให้สำคัญสูงสุดในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาข้อมูลมหาศาล อย่าง ประกันภัย การจัดการสื่อ บริการสนับสนุนธุรกิจและอิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้น ในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี การมีทักษะในการทำงานร่วมกับ AI และ Big Data ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลือก แต่กลายเป็นสิ่งจำเป็นที่คนทำงานต้องมี หากคุณต้องการก้าวหน้าในสายงานหรือทำให้องค์กรของคุณเติบโต ทักษะเหล่านี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการต่อยอดและทำให้ใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด เพื่อให้ธุรกิจ ปรับตัวได้อย่างรวดเร็วท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล แล้วทำไมทักษะนี้ถึงสำคัญ  สำหรับคนทำงานในวันนี้และในอนาคต? ยกตัวอย่างให้เห็นภาพเลย ทักษะด้าน AI และ Big Data ที่ไม่ใช่แค่การเขียนโปรแกรม จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการทำงาน เพราะทักษะนี้จะช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่และสังเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจ หากเราทำงานในด้านการตลาดแล้วละก็ เรียกว่าสามารถใช้ Big Data เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมลูกค้า ในด้านการผลิต และใช้เครื่องมือ AI เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน และในทุกสายงาน การเข้าใจ AI และ Big Data จะช่วยให้สามารถสร้างสรรค์วิธีการทำงานที่ทันสมัยและแม่นยำได้ดีขึ้นด้วย ที่สำคัญ การเข้าใจ AI และ Big Data จะช่วยให้เราไม่เพียงแค่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ  แต่ยังช่วยในการวางกลยุทธ์ให้กับองค์กรแม่นยำและมีประสิทธิผลมากขึ้นด้วย การมีทักษะด้าน AI และ Big Data ไม่เพียงแต่ทำให้คนทำงานมีบทบาทสำคัญในทีม แต่ยังเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ ๆ ในการพัฒนาตนเองและองค์กร เรียกว่าคนทำงานอย่างเราๆ อย่าปล่อยให้เทคโนโลยีก้าวนำหน้า ใช้โอกาสนี้ในการฝึกฝนทักษะ AI และ Big Data นำเทคโนโลยีมาเป็นตัวช่วยในการขับเคลื่อนความสำเร็จไปอีกขั้น

 

รู้แบบนี้แล้ว…คนทำงานหลายคนคงใจชื้นไม่น้อย เพราะในยุคที่ AI และเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ การพัฒนาทักษะที่จะให้คนทำงานที่เป็นมนุษย์ อยู่เหนือกว่าเทคโนโลยี AI จึงเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ว่าจะเป็น ทักษะการคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creative Thinking) การคิดเชิงวิเคราะห์ (Analytical Thinking) และการปรับตัวและความยืดหยุ่น (Resilience, Flexibility, and Agility) ก็ล้วนเป็นคุณสมบัติที่ AI ยังไม่สามารถเรียนรู้ได้ทั้งหมด และเป็นทักษะที่คนทำงานจะต้องพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง  โดยไม่ลืมที่จะเพิ่มทักษะ ด้าน AI และ Big Data ที่จะช่วยให้เราเป็นคนทำงานที่สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี เพื่อสร้างโอกาสและนวัตกรรมใหม่ๆ เพราะการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีไม่ใช่การทดแทน แต่เป็นการร่วมมือกัน สู่ #ชีวิตดีเมื่อมีดิจิทัล สำหรับใครที่ไม่อยากพลาดเรื่องราวดิจิทัลดีๆ แบบนี้ ติดตามได้เลยที่เพจ ETDA Thailand

 

You May Have Missed!

1 Minute
ข่าวประชาสัมพันธ์
คณะกรรมการบริหารโรงเรียนปลูกปัญญา แต่งตั้ง “บิ๊กทิน” ผจก.ฟุตซอลทีมชาติไทย  เป็นประธานที่ปรึกษาโรงเรียน
1 Minute
ข่าวประชาสัมพันธ์
พิพิธภัณฑ์เกษตรฯ เตรียมจัดงานใหญ่ส่งท้ายปี งานมหกรรม ภูมิพลังแผ่นดิน
1 Minute
กิจกรรมเพื่อสังคม
ไม่สนคำ ว่าทำบุญเอาหน้า…เสี่ยเดย์ นักบุญเจ้าเดิมช่วยการศึกษาอีกกว่า 3 ล้าน
0 Minutes
โรงพยาบาล
โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร จัดงานวันสถาปนาครบรอบ 53 ปี ชูแนวคิด ทุ่มเทอย่างชาญฉลาด เพื่อสร้างประสบการณ์สุขภาพที่เหนือชั้น เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี เพิ่มการยอมรับและมั่นใจกับผู้มารับบริการ