ทีเส็บขับเคลื่อน Thailand MICE One Stop Service ผนึกความร่วมมือ กต. ทอท. สตม. อำนวยความสะดวกนักเดินทางไมซ์ รับนโยบายรัฐบาล
ทีเส็บขับเคลื่อน Thailand MICE One Stop Service ศูนย์ประสานงานเพื่ออำนวยความสะดวกอุตสาหกรรมไมซ์ จับมือ 3 หน่วยงานพันธมิตร ทั้งกรมการกงสุล บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ร่วมดำเนินการอำนวยความสะดวกนักเดินทางไมซ์เข้าประเทศ สนองนโยบายรัฐบาล ผลักดันไทยเป็นจุดหมายการจัดงานเชิงธุรกิจและเทศกาลนานาชาติเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วนผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการจัดงานแสดงสินค้าและเทศกาลระดับโลก เพื่อสร้างรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมทั้งให้อำนวยความสะดวกการเดินทางเข้าประเทศของนักเดินทางธุรกิจและผู้ร่วมงาน ทีเส็บในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่มีภารกิจเป็น National Bidder หรือผู้ยื่นประมูลสิทธิ์ในนามรัฐบาลไทย จึงพร้อมดำเนินการสนองนโยบายโดยใช้กลไกขับเคลื่อน ที่ทีเส็บและพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนได้จัดตั้งขึ้น คือ Thailand MICE One Stop Service หรือศูนย์ประสานงาน เพื่ออำนวยความสะดวกอุตสาหกรรมไมซ์
บทบาทหน้าที่ของ Thailand MICE One Stop Service คือ อำนวยความสะดวกให้กับการเดินทางเข้าเมืองของนักเดินทางไมซ์ต่างชาติ เพื่อลดทอนขั้นตอนและเวลาในกระบวนการสำคัญ อาทิ การขอวีซ่า การตรวจคนเข้าเมือง และการต้อนรับเมื่อมาถึงสนามบิน รวมทั้งการอำนวยความสะดวกในการประสานงานเพื่อนำเข้าสินค้า วัสดุอุปกรณ์ และเครื่องมือสำหรับนำมาใช้จัดงานในประเทศไทย
ส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อน Thailand MICE One Stop Service คือ การบริการอำนวยความสะดวกในการเข้าเมืองให้กับแขกวีไอพีชาวต่างประเทศ ณ สนามบิน หรือ MICE Lane Service ที่ปัจจุบันมีให้บริการ
ณ สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง ทั้งนี้ ในปี 2566 มีงานที่ขอใช้บริการ MICE Lane จำนวน 211 งาน
บริการนักเดินทางไมซ์ 6,684 คน ส่วนในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม-มิถุนายน) บริการ MICE Lane รวมทั้งสิ้น 160 งาน ให้บริการนักเดินทางไมซ์ 9,701 คน
เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาล ทีเส็บกำลังขยายบริการ MICE Lane ไปยังสนามบินนานาชาติภูเก็ต และเชียงใหม่ ที่เป็นสองเมืองไมซ์สำคัญของไทย โดยในปีนี้ ได้เปิดให้บริการแบบชั่วคราว และกำลังจะเปิดดำเนินการถาวรในปีหน้า ส่วนในปี 2569 จะเปิดให้บริการ ณ สนามบินอุดรธานี เพื่อเตรียมรองรับจำนวนนักเดินทาง
ที่จะมาร่วมงานมหกรรมพืชสวนโลก
การจับมือกับ 3 หน่วยงานพันธมิตรถือเป็นการเตรียมต้อนรับแขกวีไอพีที่จะเดินทางมาร่วมงานใหญ่อีกหลายรายการที่ทีเส็บมีส่วนร่วมดึงมาจัดในประเทศไทย ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เช่น งาน IDF World Diabetes
Congress 2025 , การจัดประชุม IMF-World Bank Group ในปี 2569 , งาน Global Sustainable TourismConference หรือ GSTC 2026 ที่จะมีผู้เข้าร่วมนับหมื่นคน นอกจากนี้ ยังมีงานใหญ่อีกหลายรายการที่ทีเส็บกำลังดำเนินการดึงมาจัดในประเทศไทยตามนโยบายรัฐบาล เช่น การจัดการแข่งขัน Formula E ณ จังหวัดเชียงใหม่ , การจัดการแข่งขัน Formula One และงาน WorldPride 2030 เป็นต้น
นายวรวุฒิ พงษ์ประภาพันธ์ อธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า กรมการกงศุลพร้อมอำนวยความสะดวกด้านวีซ่าให้ผู้เข้าร่วมและผู้จัดงานไมซ์ โดยจะขยายการเปิดให้บริการระบบ e-Visa ให้ครบทุกสถานทูต สถานกงสุลไทย ภายในปลายปี 2567 รวมทั้งกำหนดมาตรการและแนวทางการตรวจลงตราใหม่ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเชื่อมั่นว่ามาตรการต่าง ๆ ดังกล่าวจะสามารถรองรับและอำนวยความสะดวกให้นักเดินทางไมซ์ในการเข้าประเทศไทยมากยิ่งขึ้น
ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ในฐานะผู้บริหารท่าอากาศยานหลัก 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง
ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่.ถือเป็นประตูบานแรกที่ให้การต้อนรับนักเดินทางจากทั่วโลกเข้ามายังประเทศไทย พร้อมอำนวยความสะดวกและให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนภารกิจในการต้อนรับนักเดินทางกลุ่มไมซ์ รวมถึงการจัดงานในระดับนานาชาติ โดยการจัดสรรพื้นที่ภายในอาคารผู้โดยสารตลอดจนการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆรวมถึงการประชาสัมพันธ์การจัดงานไมซ์ และร่วมส่งมอบประสบการณ์การเดินทางที่สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมและยกระดับอุตสาหกรรมไมซ์ให้เติบโต เพื่อร่วมมือกันดึงดูดให้มีการเดินทางมายังประเทศไทย เพิ่มมากขึ้น อันจะเป็นการนำเม็ดเงินลงทุนเข้าประเทศ สร้างรายได้ และกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมต่อไป
พล.ต.ต. เชิงรณ ริมผดี ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 กล่าวว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล โดยมี 3 มาตรกรหลัก คือ 1) มาตรการการยกเว้นวีซ่าและขยายระยะเวลาการพำนัก ตามนโยบายรัฐบาล โดยมีการกำหนดสัญชาติที่ได้รับยกเว้นวีซ่าเพื่อการท่องเที่ยวหรือทำงาน/ติดต่อธุรกิจระยะสั้น 60 วัน โดยสามารถขออยู่ต่อได้อีก 30 วัน ซึ่งเป็นการประกาศให้ประเทศที่ได้รับสิทธิเดิม และเพิ่มประเทศที่ได้รับสิทธิ์ใหม่ด้วย โดยจะประกาศใช้วันที่ 15 กรกฎาคม 2567 นี้ การให้สิทธิ Visa on Arrival (VOA) และเพิ่มการตรวจลงตราประเภทใหม่ Destination Thailand Visa (DTV) 2) มาตรการการคัดกรองโดยใช่เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกภายใต้หลักความมั่นคง ได้แก่ ระบบคัดกรองล่วงหน้า APPS ที่สามารถตรวจสอบคัดกรองล่วงหน้า
จากประเทศต้นทางว่า ผู้โดยสารมีข้อมูลหมายจับหรือบุคคลเฝ้าระวัง และเป็นบุคคลต้องห้ามตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ หรือไม่ การพัฒนาช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติรองรับคนไทยและคนต่างชาติในกลุ่ม E-passport ในอนาคตเป็นต้น 3) มาตรการด้านการบริหารจัดการเพิ่มกำลังพลเต็มทุกช่องตรวจในช่วงเวลาที่ผู้โดยสารเดินทางหนาแน่น (peak hour) และการประสานงานร่วมกับทีเส็บเพื่อจัดช่องทางพิเศษเฉพาะกลุ่มนักเดินทางไมซ์
“การอำนวยความสะดวกการเข้าเมืองเกี่ยวข้องกับภารกิจของหลายหน่วยงาน ทีเส็บและ 3 หน่วยงานพันธมิตร ทั้งกรมการกงสุล , บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ,กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 จึง งร่วมมือประกาศความพร้อม และส่งสัญญาณให้ความมั่นใจกับตลาดต่างประเทศว่า ประเทศไทยมีการเตรียมความพร้อมรองรับงานไมซ์และนักเดินทางไมซ์และผลักดันให้การจัดงานในประเทศไทยไร้รอยต่อมากที่สุด” นายจิรุตถ์กล่าวทิ้งท้าย