“บิ๊กหยิม ยุทธนา” นั่งเก้าอี้นายก“สมาคมผู้ฝึกสอนกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย”(สบท)คนใหม่

พร้อมเปิดตัวคณะกรรมการสมาคมฯ ชุดใหม่ เดินหน้าพัฒนาและยกระดับผู้ฝึกสอนกีฬาฟุตบอลและเยาวชนไทย

• “บิ๊กหยิม”เข้ารับตำแหน่งนายกสมาคมผู้ฝึกสอนกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย พร้อมเปิดตัวคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ชุดใหม่ ประกาศแนวทางช่วยพัฒนา และยกระดับผู้ฝึกสอนกีฬาฟุตบอลและเยาวชนไทยให้มีโอกาสที่ดีขึ้น

นายยุทธนา หยิมการุณ หรือ “บิ๊กหยิม” เข้ารับตำแหน่งนายกสมาคมผู้ฝึกสอนกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย (สบท) THAILAND FOOTBALL COACHES ASSOCIATION (TFCA) คนใหม่ พร้อมทั้งแถลงข่าวเปิดตัวคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ชุดใหม่ โดยประกาศแนวทางช่วยพัฒนายกระดับผู้ฝึกสอนกีฬาฟุตบอล และเยาวชนไทยให้มีโอกาสที่ดีขึ้น ณ ห้องประชุม ชั้น2 อาคารสโมสรศุลกากร กรมศุลกากร เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 ก.ค.67

นายยุทธนา กล่าวว่า ตนเองเล็งเห็นว่า ผู้ฝึกสอนกีฬาฟุตบอลมีความสำคัญเช่นกัน เพราะตามที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยให้ความสำคัญกับการยกระดับ ส่งเสริม และให้ความรู้ด้วยการเปิดอบรมหลักสูตรต่างๆ เกี่ยวกับผู้ฝึกสอนอย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้ฝึกสอนทุกระดับ 4,000 คน แต่ยังไม่มีองค์กรที่จะรองรับเพื่อคอยดูแลให้ความช่วยเหลือ หรือต่อยอด ดังนั้นสมาคมผู้ฝึกสอนกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยพัฒนายกระดับคุณภาพ พร้อมที่จะส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ฝึกสอนชาวไทย ให้มีอนาคตที่ดี มีทางเลือกเพิ่มขึ้น ผู้ฝึกสอนในระดับไลเซนส์ต่างๆ ต้องเข้ามาเป็นสมาชิกของสมาคม เพื่อจะได้คอยดูแล และให้ความช่วยเหลือต่อไป

สำหรับการพัฒนาฟุตบอลเยาวชนนั้น ทางสมาคมฯ จะสนับสนุนผ่านศูนย์ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 2 ศูนย์ และอนาคตจะเพิ่มให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งในศูนย์จะมีการเรียนรู้เกี่ยวกับอาชีพฟุตบอล โดยรับเยาวชนที่จบการศึกษาชั้น ป.6 เข้ามาเรียนในระดับ ม.1-ม.6 โดยใช้ระยะเวลาเรียน 4 ปี เกี่ยวกับหลักสูตรฟุตบอล ซึ่งออกแบบ และรับรองโดยกรมส่งเสริมการเรียนรู้ กระทรวงศึกษาธิการ โดยเยาวชนจะศึกษาเรียนรู้ในศูนย์ตลอด 4 ปี และในแต่ละศูนย์จะมีผู้ฝึกสอนระบบโปรไลต์เซนส์เป็นหัวหน้าศูนย์ และมีบุคลากรในการบริหารจัดการ โดยมีสมาคมเป็นผู้กำกับมาตรฐาน

ทั้งนี้ ในการทำงานของสมาคมฯ จะไม่แสวงหาผลประโยชน์ หรือกำไรใดๆ แต่ต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาวงการฟุตบอลไทย และจะพยายามนำโครงการต่างๆ ที่ดี และเป็นประโยชน์มาส่งเสริม เพื่อดูแลบุคลากรของวงการฟุตบอลไทย พร้อมทั้งประสานการทำงานร่วมกับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ / การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างสรรค์พัฒนาวงการฟุตบอลไทย ให้ก้าวหน้าไปสู่ระดับสากลอีกด้วย