ติวเข้มสมาชิกนิคมสหกรณ์บาเจาะ นราธิวาส จากพืชน้ำมันสู่ “เกษตรปลอดภัย”
ไม่ได้มีไฮไลท์แค่โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มขนาดใหญ่ มีกำลังการผลิต 45 ตันทะลาย/ชั่วโมงที่กรมส่งเสริมสหกรณ์สนับสนุนงบประมาณกว่า 300 ล้านในการสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับผลผลิตปาล์มจากเกษตรกรที่ได้รับส่งเสริมการปลูกในพื้นที่จ.นราธิวาสและใกล้เคียง สำหรับ”นิคมสหกรณ์บาเจาะ” ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานสหกรณ์จังหวัดนราธิวาส มีอาณาเขตและพื้นที่ดำเนินการอยู่ในท้องที่บางส่วนของ 9 ตำบล 4 อำเภอ 2 จังหวัด คือ อ.เมือง อ.ยี่งอและอ.บาเจาะ จ.นราธิวาสและอ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี รวมพื้นที่ทั้งหมด 87,419 ไร่
ทว่าปัจจุบันยังมีอีกหลายโครงการที่นิคมสหกรณ์ฯแห่งนี้รับผิดชอบในการดูแลชีวิตความเป็นอยู่เกษตรกรสมาชิก ไม่ว่าจะเป็นโครงการส่งเสริมการทำเกษตรปลอดภัยในพื้นที่นิคมสหกรณ์บาเจาะ เพื่อยกระดับคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตรและส่งเสริมเกษตรปลอดภัยในเขตนิคมฯประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ,โครงการส่งเสริมการปลูกปาล์มน้ำมันในพื้นที่พรุบาเจาะ ,โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีในพื้นที่นิคมสหกรณ์บาเจาะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เป็นต้น
โดยมีสหกรณ์ที่อยู่ในความรับผิดชอบ จำนวน 1 สหกรณ์ คือ สหกรณ์นิคมบาเจาะ จำกัด ซึ่งนิคมฯ ได้ดำเนินการส่งเสริมแนะนำให้สหกรณ์ดำเนินงานเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และตามอุดมการณ์ หลักการและวิธีการสหกรณ์ โดยสมาชิกสหกรณ์ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นิคมฯ
นางสาวสกันดาเรีย แวมายิ ผู้อำนวยการนิคมสหกรณ์บาเจาะ กล่าวถึงการดำเนินงานของนิคมสหกรณ์ฯ กล่าวถึงภารกิจการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมสหกรณ์บาเจาะ ปีงบประมาณ 2566 (ข้อมูล ณ 31 กรกฎาคม 2566) ว่าผลสรุปการออกเอกสารสิทธิ์(ไร่) กสน. จำนวน 138 ไร่และกสน.5 จำนวน 585 ไร่และมีการขอใช้ที่ดินและการอนุญาตให้ใช้ที่ดินภายในเขตนิคมสหกรณ์ ข้อมูลตามสัญญาอนุญาตให้ใช้ที่ดินในเขตนิคมสหกรณ์บาเจาะ (สรุปข้อมูล ณ 30 กันยายน 2565) แบ่งเป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ จำนวน 52 ราย เนื้อที่ประมาณ 2,728 ไร่และนิติบุคคลหรือบุคคลธรรมดา จำนวน 6 ราย เนื้อที่ประมาณ 547 ไร่
“ในส่วนของนิคมได้มีการออกหนังสือกสน.3 ไปแล้ว 53,930 ไร่ ส่วนกสน 5 อีก 31,885 ไร่ มีโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม แต่รับจ้างให้บริษัทเอกชนดำเนินการ ส่วนนิคมฯก็จะดูแลส่งเสริมการปลูก รับซื้อผลผลิตสมาชิกป้อนโรงงาน ส่วนสมาชิกนิคมขณะนี้ได้เอกสารสิทธิ์เกือบทั้งหมด มีบางส่วนรอการรังวัด ครอบครัวละไม่เกิน 50 ไร่” นางสาวสกันดาเรีย แวมายิ ผู้อำนวยการนิคมสหกรณ์บาเจาะกล่าวถึงการดำเนินงานของนิคมสหกรณ์ฯ
ด้านนางสาวโสภิดา ศรัทธารัตน์ สหกรณ์จังหวัดนราธิวาส กล่าวถึงการดำเนินงานของนิคมสหกรณ์บาเจาะเป็นรูปแบบเดียวกับนิคมสหกรณ์ปิเหล็ง ที่มีการส่งเสริมอาชีพสมาชิกผ่านสหกรณ์นิคมบาเจาะ จำกัด ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่มีอาชีพหลักคือการปลูกปาล์มน้ำมัน โดยได้รับการส่งเสริมสนับสนุนจากโครงการภาครัฐ ส่วนในเรื่องกลุ่มอาชีพก็เหมือนนิคมสหกรณ์ปิเหล็ง ซึ่งได้มีการส่งเสริมให้ชาวบ้านในพื้นที่หันมาปลูกพืชผักปลอดสารพิษ ผักอินทรีย์และพืชอีกหลายชนิด
“สหกรณ์ฯบาเจาะก็เข้มแข็งอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ปัญหาที่เราเจอเรื่องการบริหารจัดการ บางปีทำให้สหกรณ์ไม่มีกำไร อาจเจอปัญหาขาดทุนบ้าง ที่สำคัญสมาชิกยังขาดความรู้ความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของสมาชิกและการให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมในธุรกิจของสหกรณ์ ซึ่งเป็นหน้าที่ทางสำนักงานสหกรณ์จังหวัดเข้าไปช่วยเหลือดูแลให้คำปรึกษาเพื่อให้สมาชิกได้เข้าใจสหกรณ์ทั้งระบบ” สหกรณ์จังหวัดนราธิวาส กล่าวทิ้งท้าย
นิคมสหกรณ์บาเจาะ นอกจากเป็นนิคมต้นแบบในการเรียนรู้กระบวนการผลิตปาล์มน้ำมันครบวงจรแล้ว ปัจจุบันได้พัฒนาเป็นแหล่งรวมของพืชเกษตรปลอดภัยที่สร้างอาชีพและรายได้ให้กับสมาชิกนิคมสหกรณ์ฯได้เป็นอย่างดี