ชาวไร่ยาสูบเฮ ยสท.ช่วยเงินสนับสนุนปัจจัยการผลิต จี้ ยสท.-คลัง เร่งแก้โครงสร้างภาษียาสูบ ลดภาระพึ่งพางบกลาง

ชาวไร่ยาสูบเฮ ยสท.ช่วยเงินสนับสนุนปัจจัยการผลิต

จี้ ยสท.-คลัง เร่งแก้โครงสร้างภาษียาสูบ ลดภาระพึ่งพางบกลาง

นายอรุณ โปธิตา เลขาธิการสมาคมพัฒนาชาวไร่บ่มเอง จังหวัดเชียงใหม่ และตัวแทนภาคียาสูบแห่งประเทศ เผยถึงกรณีการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) แถลงข่าวให้การสนับสนุนปัจจัยการผลิตร้อยละ 50 ให้กับชาวไร่ยาสูบและผู้บ่มอิสระ วงเงิน 56.16 ล้านบาท ว่า “ขอบคุณ ยสท. ที่ไม่ทอดทิ้งชาวไร่และดูแลสนับสนุนชาวไร่ในสังกัดของ ยสท. เราทราบดีว่าผลประกอบการของ ยสท. ก็ได้รับผลกระทบจากโครงสร้างภาษี ทำให้มีงบประมาณช่วยเหลือค่าปัจจัยการผลิตที่เพิ่มขึ้นของชาวไร่ได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง พวกเราก็ต้องรอการจัดสรรงบประมาณกลางจากรัฐบาลเพื่อมาช่วยเหลือ ซึ่งก็ยังไม่แน่ใจว่าชาวไร่จะได้เงินเมื่อไร”

นายอรุณยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลเปลี่ยนมาเก็บภาษีบุหรี่แบบ 2 อัตรา และปรับขึ้นภาษีบุหรี่ถึง 2 ครั้ง จนทำให้ราคาบุหรี่สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด บุหรี่นำเข้าและบุหรี่ของ ยสท. ต่างแข่งกันขายที่ราคาต่ำ กระจุกตัวกันอยู่ที่ 66 – 70 บาท จน ยสท. แข่งขันในตลาดยากมาก ยอดขายและกำไรของ ยสท. ก็ลดลง ทำให้ ยสท. ต้องลดโควตารับซื้อใบยาสูบจากชาวไร่ลงประมาณ 50-60% ถึง 5 ปีติดต่อกัน ทำให้ชาวไร่ต้องสูญเสียรายปีละกว่า 900 ล้านบาท หากรัฐบาลมีการทบทวนโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อเดือนสิงหาคม 2564 โดยไม่มีการขึ้นภาษี ยสท. ก็จะสามารถกลับมามียอดขายและกำไรที่ดีขึ้นได้อีกครั้ง และสามารถดูแลช่วยเหลือชาวไร่ได้ตามพันธกิจของ ยสท. โดยไม่ต้องไปรบกวนหรือเป็นภาระกับงบประมาณของประเทศ”

รายงานข่าวก่อนหน้านี้ระบุว่า อุตสาหกรรมยาสูบหดตัวลงอย่างมากตั้งแต่การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบปี 2560 ที่มีการริเริ่มใช้อัตราภาษียาสูบแบบ 2 อัตรา และมีการปรับขึ้นภาษีที่สูงขึ้น รวมทั้งมีการเก็บภาษีมหาดไทย 10% เพิ่มเข้ามาด้วย แต่รายได้ภาษียาสูบที่รัฐบาลเก็บได้กลับลดลงอย่างต่อเนื่องจากปี 2560 เก็บได้ 6.8 หมื่นล้านบาท ลดลงเหลือเพียง 5.9 หมื่นล้านบาทในปี 2565 ขณะที่กำไรของ ยสท. ก็ลดลงกว่า 98% โดยในปี 2560 มีกำไร 9 พันล้านบาท ลดลงเหลือเพียงประมาณ 100 ล้านบาทในปี 2565

“เราทราบว่าคณะรัฐมนตรีสั่งการให้ทบทวนโครงสร้างภาษีสรรพสามิตโดยเร็วที่สุดเพื่อลดผลกระทบจากความเดือดร้อนของชาวไร่ยาสูบ 30,000 ครอบครัวทั่วประเทศ และจะได้แก้ปัญหาในอุตสาหกรรมยาสูบอย่างยั่งยืน พวกเราจึงอยากขอให้ ยสท. และกระทรวงการคลังเร่งดำเนินการโดยเร็วก่อนที่รัฐบาลจะหมดวาระไป เนื่องจากผ่านมากว่า 5 เดือนแล้วยังไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินการตามมติ ครม. ดังกล่าวเลย หากต้องรอการเลือกตั้งและรัฐบาลชุดใหม่ชาวไร่ยาสูบและ ยสท. ก็คงต้องเดือดร้อนจากปัญหารายได้ที่หายไป แต่หนี้สินเพิ่มขึ้นไปอีกจนสิ้นปี จึงขอฝากให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้ว่า ยสท. รวมทั้งอธิบดีกรมสรรรพสามิตนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ช่วยเร่งแก้ปัญหาโครงสร้างภาษีให้กับชาวไร่ยาสูบโดยด่วนที่สุดด้วย”