ศัลยแพทย์เตือน!!! อันตรายฉีดฟิลเลอร์จมูก เสี่ยงทำตาบอด
เมื่อปัจจุบันการทำศัลยกรรมความงามเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง เข้าถึงผู้คนได้ง่าย มีสถานพยาบาลและคลินิกเปิดให้บริการอย่างมากมาย ทำให้อาจมีการตัดสินใจเลือกทำศัลยกรรมความโดยไม่ได้พิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน หรือไม่เลือกทำหัตถการโดยศัลยแพทย์เฉพาะทาง ส่งผลให้เกิดความเสียหายและผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายตามมา
ซึ่งเรื่องนี้ นพ.สมศักดิ์ คุณจักร ศัลยแพทย์ชื่อดังผู้บริหาร Dr.Somsak Clinic อธิบายไว้ว่า ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการฉีดฟิลเลอร์นั้นส่วนมากมาจากการฉีดเข้าที่จมูก เพราะฟิลเลอร์เป็นของเหลวเมื่อฉีดเข้าไป มีโอกาสสูงที่จะเข้าไปในเส้นเลือดทำให้เกิดการอุดตัน ส่งผลให้เลือดไม่ไปหล่อเลี้ยงและเกิดเนื้อตายบางส่วน เช่น ผิวหนังที่จมูก ดวงตา เพราะเส้นเลือดเป็นแขนงเครือข่ายทั่วร่างกาย ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์แล้วเกิดตาบอด มาจากฟิลเลอร์ไปอุดตันหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงจอประสาทตา มีผลทำให้สูญเสียการมองเห็นได้
ดังนั้นเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์จึงมีความสำคัญ ควรได้รับการฉีดโดยแพทย์ผู้ชำนาญการและมีประสบการณ์ ซึ่งชนิดของฟิลเลอร์ แบ่งออกเป็นหลายรูปแบบ ได้แก่ แบบชั่วคราว (Temporary Filler) มีอายุใช้งานประมาณ 4 – 6 เดือน มีความปลอดภัยสูง สลายตัวได้เองตามธรรมชาติ เช่น กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid, HA) แบบกึ่งถาวร (Semi Permanent Filler) มีอายุใช้งานประมาณ 2 ปี มีความปลอดภัยปานกลาง และแบบถาวร (Permanent Filler) เช่น ซิลิโคน หรือพาราฟิน หลังฉีดแล้วจะอยู่ในผิวตลอดไป ไม่สลายตามธรรมชาติ มักพบผลข้างเคียงระยะยาว จึงต้องระวังเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้หากต้องการฉีดฟิลเลอร์เพื่อการรักษาปัญหาผิวพรรณ ต้องมีความระมัดระวังและควรทำโดยศัลยแพทย์เฉพาะทางผู้มีประสบการณ์ จึงจะมีความปลอดภัย