กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ แถลงผลการดำเนินงานสร้างความเข้มเเข็งทางการเงินการบัญชีแก่สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร

กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ แถลงผลการดำเนินงาน

สร้างความเข้มเเข็งทางการเงินการบัญชีแก่สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร

 

วันที่ ๑๑ กรกฏาคม ๒๕๖๕ ณ ห้องประชุม ๔๐๔ อาคาร ๔ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้มีการแถลงข่าวผลการดำเนินงานและทิศทางการปฏิบัติงาน ปี ๒๕๖๕ ย้ำเดินหน้า สร้างความเข้มแข็งด้านการเงินการบัญชีแก่สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร มุ่งพัฒนาคุณภาพการสอบบัญชี พร้อมมาตรการเชิงรุกตรวจสอบระบบการควบคุมภายใน สร้างความโปร่งใสในระบบสหกรณ์ ควบคู่การสอนบัญชีให้ครอบคลุม ทุกกลุ่มเป้าหมาย กระตุ้นการสร้างวินัยทางการเงิน สร้างเศรษฐกิจฐานรากเข้มแข็งอย่างยั่งยืน โดยมี นายอำพันธุ์ เวฬุตันติ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เป็นประธานแถลงข่าว พร้อมผู้บริหาร ร่วมด้วยสื่อมวลชน เข้าร่วมรับฟังการแถลงข่าว

นายอำพันธุ์ เวฬุตันติ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวว่า กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบการบริหารจัดการด้านการเงินและการบัญชีของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ทั้งในด้านการตรวจสอบบัญชีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร กำกับการสอบบัญชีสหกรณ์ที่ดำเนินการโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาตและบุคคลอื่น เพื่อให้สหกรณ์ได้รับการตรวจสอบบัญชีอย่างโปร่งใส และประเมินประสิทธิภาพระบบการควบคุมภายในของสหกรณ์ โดยชี้แนะแนวทางการแก้ไขปัญหา ข้อบกพร่องต่าง ๆให้สหกรณ์ได้นำไปปรับปรุงแก้ไข เพื่อดูแลรักษาผลประโยชน์ของสมาชิกสหกรณ์ที่มีมูลค่ากว่า ๓.๕๘ ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๑๓.๕๔ ของ GDP ทั้งประเทศ พร้อมทั้งดำเนินงานเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพด้านการเงินการบัญชีแก่เกษตรกร ผ่านกระบวนการเรียนรู้การจัดทำบัญชีให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายโดยมีแนวทางการดำเนินงาน ดังนี้

๑. ด้านการสอบบัญชีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้ดำเนินการตรวจสอบบัญชีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร เพื่อให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรได้รับการตรวจสอบบัญชี สามารถใช้ประโยชน์จากผลการตรวจสอบบัญชีและข้อสังเกตจากผู้สอบบัญชีไปปรับปรุงการบริหารจัดการและอำนวยประโยชน์แก่มวลสมาชิกโดยรวม เพื่อให้การสอบบัญชีสหกรณ์
เป็นไปอย่ามีประสิทธิภาพและสอดคล้องตามมาตรฐานการสอบบัญชี ทั้งในรูปแบบการเป็นผู้สอบบัญชีเอง และการควบคุมกำกับ
คุณภาพงานสอบบัญชีของผู้สอบบัญชีภาคเอกชน ให้ทำการตรวจบัญชีอย่างโปร่งใส เป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อป้องกันปัญหา
การทุจริตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยกำหนดให้มีการกำกับดูแลผู้สอบบัญชีทุกราย และมีการพัฒนาความรู้อย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งในปัจจุบัน มีผู้สอบบัญชีที่ขึ้นทะเบียน ทั้งหมดจำนวน ๒๗o คน แยกเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาต (CPA) จำนวน ๒๔๘ คน
และมีบุคคลอื่น จำนวน ๒๒ คน โดยในปี ๒๕๖๕ กรมฯ ได้ตรวจสอบบัญชีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรไปแล้วกว่า ๙,๐๐๐ แห่ง
มีการตรวจพบข้อสังเกตและแจ้งให้สหกรณ์แก้ไขปรับปรุง จำนวน ๑,๔๒๑ แห่ง

ทั้งนี้ กรมฯ ยังมีมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในสหกรณ์ โดยวางระบบการตรวจสอบที่ครอบคลุมทั้งด้านการบริหารจัดการและการประเมินประสิทธิภาพระบบการควบคุมภายในของสหกรณ์ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการป้องกันเหตุทุจริตได้ โดยจัดทีมตรวจสอบพิเศษ เข้าตรวจสอบระบบการควบคุมภายในของสหกรณ์ขนาดใหญ่ที่ตรวจสอบบัญชีโดยผู้สอบบัญชีภาคเอกชนทุกสหกรณ์ทั่วประเทศ จำนวน ๑,๑๗๘ สหกรณ์ ทั้งด้านการเงินการบัญชีและระบบการควบคุมภายใน พร้อมให้คำปรึกษาแนะนำแก่สหกรณ์เกี่ยวกับจุดอ่อนจากระบบการควบคุมภายในที่ตรวจพบ พร้อมพัฒนาความรู้ให้ผู้ตรวจสอบกิจการสหกรณ์ เพื่อเพิ่มศักยภาพผู้ตรวจสอบกิจการให้สามารถสอดส่องดูแลการทำงานของคณะกรรมการดำเนินการและฝ่ายจัดการสหกรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

นอกจากนี้ กรมฯ ได้มีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยการส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรของสหกรณ์ในการนำเทคโนโลยี มาใช้เป็นเครื่องมือช่วยอำนวยความสะดวกให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร โดยพัฒนานวัตกรรมแอปพลิเคชัน smart๔M เป็นเครื่องมือช่วยให้คณะกรรมการสหกรณ์ สามารถตรวจสอบสถานะทางการเงิน เพื่อนำไปวางแผนการบริหารจัดการ สร้างระบบการควบคุมภายในที่ดี และส่งเสริมให้สมาชิกมีส่วนร่วมในการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของตนเอง ผ่านแอปพลิเคชัน สามารถตรวจสอบข้อมูลธุรกรรมและยืนยันข้อมูลของตนองได้อย่างรวดเร็ว ลดความเสี่ยงที่จะเกิดการทุจริตในสหกรณ์ โดยปัจจุบัน มีสหกรณ์ใช้โปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ที่พัฒาโดยกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ รวม ๒,๕๖๙ แห่ง มีสหกรณ์ใช้แอปพลิเคชัน Smart๔M รวม ๙๓๕แห่ง และเกษตรกรใช้ SmatMe รวม ๕๑,๘๖๑ คน นอกจากนี้ ยังได้เสริมสร้างสมรรถนะให้แก่ผู้สอบบัญชีให้มีความรู้ด้าน IT เพิ่มขึ้น มีการพัฒนาเทคโนโลยีช่วยตรวจสอบบัญชี อาทิ โปรแกรมเฝ้าระวังและเตือนภัยทางการเงินของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร (CFSAWS:ss) เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้งานให้สามารถวิเคราะห์ เฝ้าระวังและเตือนภัย ทางการเงินของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น รวมถึงการพัฒนาระบบการตรวจสอบบัญชีระยะไกล(Remote Audit) เพื่อเป็นทางเลือกในการสอบบัญชี ทั้งในด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและช่วยวางแผนการสอบบัญชีก่อนเข้าตรวจสอบในสถานที่จริง ทำให้สามารถติดตามและเฝ้าระวังความผิดปกติที่เกิดขึ้นและวางแผนตรวจสอบและให้คำแนะนำได้ทันต่อสถานการณ์

๒. ด้านการสอนบัญชีแก่เกษตรกรและกลุ่มเป้าหมาย กรมฯ ได้ดำเนินงานส่งเสริมการจัดทำบัญชีในครัวเรือนและบัญชีต้นทุนประกอบอาชีพ ให้กับเกษตรกรและสมาชิกสถาบันเกษตรกร พร้อมทั้งกำกับเเนะนำกระตุ้นและติดตามการจัดทำบัญชีของเกษตรกร โดยในปี ๒๕๖๕ กมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการจัดทำบัญชีให้ขยายผลไปในทุกกลุ่มเป้าหมาย กว่า ๖๔,๐๐๐ราย

นอกจากการสอนบัญชีให้สถาบันเกษตรกรแล้ว เด็กและเยาวชนถือเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่ควรได้รับการปลูกฝังความรู้ด้านการจัดทำบัญชี ซึ่งเป็นจุดเริ่มตันที่ดีในการสร้างวินัยทางการเงินให้ตนเอง และนำไปสู่ความสำเร็จในการวางเแผนการดำเนินชีวิตและการประกอบอาชีพของตนเองและครอบครัว โดยกรมฯ ได้เข้าร่วม สนองงานตามพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๐ จนถึงปัจจุบัน ภายใต้โครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในปี ๒๕๖๕ กรมฯ ได้อบรมสอนแนะนำการจัดทำบัญชีกิจกรรมสหกรณ์นักเรียนให้แก่โรงเรียนในสังกัด ตชด./สพฐ. /สช./พศ./กทม./อปท. จำนวน ๕๒๔โรงเรียน รวมจำนวนนักเรียน/ครูของโรงเรียนที่ได้รับการอบรมจำนวน ๒,๐๓๗ราย สานต่อด้วย โครงการต้นกล้าความดี สู่วิถีเศรษฐกิจพอเพียง เป็นโครงการที่ขยายผลการถ่ายทอดความรู้และส่งเสริมการจัดทำบัญชีให้แก่เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้และเข้าใจถึงวิธีการบันทึกบัญชี รู้จักการคิดคำนวณเลข สามารถวางแผนในการใช้จ่ายเงิน มีเครือข่ายการจัดการภูมิปัญญาทางบัญชี ระหว่างโรงเรียน นักเรียน และขยายผลไปสู่ผู้ปกครองและชุมชน โดยมีโรงเรียนที่รับผิดชอบ รวม ๔๔๗ โรงเรียน ซึ่งมีเป้าหมายดำเนินการ รวม ๔๐๕โรงเรียน ประกอบด้วย โรงเรียนในสังกัด สพฐ.๑๙๑ โรงเรียน และ ตชด. ๒๑๔ โรงเรียน ดำเนินการไปแล้ว ๒๑๑ โรงเรียน คิดเป็นร้อยละ ๕๒.๑๐ (ข้อมูล ณ วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕)

ทั้งนี้ กรมฯ ได้บูรณาการความร่วมมือการสอนบัญชีให้ขยายผลยิ่งขึ้น อาทิ การลงนาม MOU “การถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการจัดทำบัญชีต้นกล้าเศรษกิจพอเพียง บัญชีรับ- จ่ายในครัวเรือน และสหกรณ์นักเรียนให้แก่เด็กและเยาวชน” ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อขยายผลองค์ความรู้ด้านการจัดทำบัญชี ให้เข้าถึงสถาบันการศึกษา กำหนดระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปี ๒๕๖๕ – ๒๕๖๙ รวม ๒๖,๘๐๗โรงเรียน รวมจำนวนนักเรียน ๙๘๘,๒๕๖ คน โดยในปี ๒๕๖๕ ดำเนินการ ๕ % รวมจำนวนโรงเรียนทั้งหมด ๑,๑๕๕ แห่ง และจำนวนนักเรียน รวม ๖๘,๕๙๓ คน และตั้งเป้าหมายดำเนินการในปีต่อไป ปีละ ๒๔% จนครบตามเป้าหมายทั้งโครงการ และในวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ได้จัดให้มีพิธี MOU โครงการ “ชุมชนคนทำบัญชี เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน” ร่วมกับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย โดยจะดำเนินการตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – ธันวาคม ๒๕๖๕ กลุ่มเป้าหมาย คือ ประชาชนในชุมชนพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในทุกอำเภอ ทั่วประเทศ ๗๖ จังหวัด มีครูบัญชีของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ทำหน้าที่เป็นวิทยากรในการอบรม กำกับและติดตามประมินผลความรู้ที่ได้ไปเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพของตนเอง ปรับเปลี่ยนอาชีพให้เหมาะสมมีวินัยทางการเงิน ตลอดจนพัฒนาต่อยอดให้เป็นครูบัญชีได้ในอนาคต นอกจากนี้ เพื่อเป็นการปูพื้นฐานสร้างวินัยทางการเงินแก่ประชาชนทั่วไป กรมฯ ได้จัดทำวีดิทัศน์การสอนบัญชีในรูปแบบ 4 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทยกลาง ภาษาถิ่นเหนือ ภาษาถิ่นอีสานภาษาถิ่นใต้ และภาษายาวี เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างทั่วถึง โดยเป็นสื่อการเรียนรู้ที่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองปลูกฝังให้ใช้บัญชีเป็นเครื่อมือนำไปสู่การใช้ชีวิตอย่างมีวินัยทางการเงิน และตระหนักถึงคุณค่าการออมอีกทางหนึ่งด้วย

You May Have Missed!

0 Minutes
การตลาด
ห้างโรบินสัน ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ชวนครอบครัวทั่วไทย ช้อปเลือกได้จอยทุกดีลกับ  “ส่วนลด หรือ ของสมนาคุณ” ในแคมเปญ “ROBINSON ช้อปแหลก แจกสนั่น ครั้งที่ 2”
0 Minutes
ข่าวประชาสัมพันธ์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม
วว. เยือนญี่ปุ่นหารือแนวทางสร้างความร่วมมือด้านเทคโนโลยีอาหาร/เทคโนโลยีชีวภาพ
1 Minute
ข่าวประชาสัมพันธ์
เปิดเทศกาล Thailand Craft Beer Week 2024 ดื่มด่ำรสชาติท้องถิ่น สัมผัสสปิริตชุมชน พบกัน 18 – 27 ต.ค. นี้
0 Minutes
โรงแรม
ฮ็อป อินน์ เตรียม Spin-off ตั้งเป้า 2030 ขยายสาขาเพิ่มอีก 3 ประเทศ ยกระดับขึ้นสู่เครือข่ายโรงแรมบัดเจ็ทที่ดีที่สุดในเอเซียแปซิฟิค