นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่ฯ ชี้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศช่วงนี้ยังทำไม่ได้
ชี้วิกฤตโควิด-19 และการสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำผู้ประกอบการอ่วมถ้วนหน้า
แนะทางออก เพิ่มโอที วินวินทั้งนายจ้าง-ลูกจ้าง
จากกรณี ที่เครือข่ายแรงงานได้เรียกร้องให้รัฐบาล ประกาศปรับค่าจ้างขั้นต่ำเท่ากันทั้งประเทศ ในอัตรา 492 บาท/วัน เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น
วันนี้ (17 พ.ค.) ดร.ฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และประธานกรรมการบริหารบริษัท ในเครือฉวีวรรณ ผู้ส่งออกเนื้อไก่ไทยรายใหญ่ 1 ใน 5 ของประเทศ ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า แม้ผู้ประกอบการจะเห็นใจลูกจ้าง จากผลกระทบราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้นถ้วนหน้า แต่หากดูในแง่ของเวลาแล้วเชื่อว่ายังไม่เหมาะสม เนื่องจากที่ผ่านมา ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระที่หนักมากเช่นกันทั้ง ในเรื่องวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตที่ปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนราคาน้ำมันที่ถือเป็นปัจจัยสำคัญ ในภาคการขนส่ง เช่นเดียวกับส่วนประกอบอื่นๆ ที่ปรับตัวสูงขึ้นถ้วนหน้า
การระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจต่างๆ อย่างรุนแรง ขณะที่ภาคส่งออกยังต้องเจอปัญหาตู้สินค้าและเรือขนส่งสินค้าที่ดีเลย์อยู่ตลอดเวลา แต่หากถามว่าจำเป็นต้องขึ้นค่าแรงให้กับลูกจ้างหรือไม่ ก็ต้องตอบว่าจำเป็นมาก เพราะตอนนี้ราคาของกินของใช้ปรับขึ้นหมดแล้ว เพียงแต่เราขอเวลาปรับตัวก่อนสักระยะ เพื่อให้ทั้งภาคธุรกิจและแรงงานรอดด้วยกันได้ แต่หากให้ปรับขึ้นค่าจ้างตอนนี้ เกรงว่าสุดท้ายแล้วจะไปได้ไม่ตลอดรอดฝั่ง ”
ดร.ฉวีวรรณ ยังได้เสนอทางออกในการปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานว่า ทั้งลูกจ้างและแรงงานต้องเข้าใจตรงกันว่าการขึ้นค่าแรงเป็น 492 บาทในขณะนี้เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก แต่นายจ้าง สามารถหาทางออกได้ด้วยการเพิ่มเวลา ทำโอทีเพื่อให้ลูกจ้างมีรายได้เพิ่มขึ้น และนายจ้างเองแม้ต้องจ่ายมากขึ้น แต่ก็จะได้สินค้ามากด้วยเช่นกัน
ขณะนี้ ในส่วนของโรงงานแปรรูปเนื้อไก่เองก็ต้องหันมาใช้วิธีจ้างเหมา เพื่อให้ลูกจ้างได้ค่าจ้างมากขึ้นและผู้ประกอบการได้สินค้ามากขึ้น ซึ่งวิธีนี้ทำให้ลูกจ้างสามารถได้ค่าจ้างถึงหลักพันบาทต่อวันได้
นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี