แขวงทางหลวงอุตรดิตถ์ที่ 1 ประชุมการมีส่วนร่วมของประชาชน โครงการก่อสร้างจุดจอดพักรถบรรทุก (Truck rest area)
พร้อมสถานีตรวจสอบน้ำหนักอุตรดิตถ์ ทางหลวงหมายเลข ๑๑ ตอน นาอิน – ชัยมงคล จังหวัดอุตรดิตถ์
เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2565 เวลา 09.30 น. นายกฤษณ์ หย่ำวิไล ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงอุตรดิตถ์ที่ ๑ กล่าวรายงานการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ต่อโครงการ ก่อสร้างจุดจอดพักรถบรรทุกพร้อมสถานีตรวจสอบน้ำหนักอุตรดิตถ์ ทางหลวงหมายเลข 11 ตอน นาอิน – ชัยมงคล ที่กม.276+200 – กม.276+400 ด้านซ้ายทาง โดยมี นายพิทยา แก้วโพนยอ วิศวกรโยธาชำนาญการพิเศษเจ้าหน้าที่ สำนักงานควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ นายสมศักดิ์ จึงสำเร็จการ นิติกรชำนาญการ เป็นพิธีกร นายพีระยุทธ นันตะสุข หัวหน้าหมวดทางหลวงพิชัย และเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวง เจ้าหน้าที่สำนักงานควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ
ในการประชุมครั้งนี้ได้รับเกียรติจากนายอรุณ ทองพลับ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาอินเป็นประธานเปิดการประชุม พร้อมด้วยปลัดอำเภอพิชัย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจน ประชาชนในพื้นที่ ตำบลนาอิน ร่วมรับฟังความคิดเห็นในการประชุมเพื่อรับฟังการคิดเห็นในครั้งนี้
ทั้งนี้นายกฤษณ์ หย่ำวิไล ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงอุตรดิตถ์ที่ 1 เจ้าหน้าที่แขวงทางหลวง เปิดเผยว่า โครงการก่อสร้างจุดจอดพักรถบรรทุกพร้อมสถานีตรวจสอบน้ำหนักอุตรดิตถ์ ทางหลวงหมายเลข 11 ตอน นาอิน – ชัยมงคล ที่กม.276+200 กม.276+400 ด้านซ้ายทาง ในท้องที่ตำบลนาอิน อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งจะดำเนินการก่อสร้างภายในปีงบประมาณ 2565 โดยวิธีการจ้าง
เหมา เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการควบคุมและบริหารจัดการ กำกับดูแลรถบรรทุก ให้มีน้ำหนักตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อประโยชน์ในการยืดอายุการใช้งานของทางหลวง ลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาทางหลวงของกรมทางหลวง และป้องกันปัญหาการทุจริตและประพฤติ มิชอบในเรื่องการบรรทุกน้ำหนักเกิน
ในการนี้ แขวงทางหลวงอุตรดิตถ์ที่ 1 ซึ่งได้รับมอบหมายจากสำนักงานควบคุมน้ำหนัก-ยานพาหนะ กรมทางหลวง ให้ดำเนินงานจัดประชุมการมีส่วนร่วมของประชาชน ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ.2548 เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในท้องที่ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้รับทราบข้อมูลรายละเอียดของโครงการก่อสร้างสถานีตรวจสอบ
น้ำหนักดังกล่าว และร่วมแสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ รวมทั้ง ชักถามปัญหาในการดำเนินการซึ่งสำนักงานควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ จะได้นำข้อมูลดังกล่าวไปเป็นแนวทางปรับปรุง และพัฒนาการดำเนินงาน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและตอบสนองความต้องการของประชาชนผู้ใช้ทาง และเป็นไปตามข้อกำหนดและมาตรฐานในการดำเนินงานของกรมทางหลวง ต่อไป
เอนก ธรรมใจ
รายงาน